ผลต่างระหว่างรุ่นของ "น้ำประสานทอง"
ล แจ้งต้องการเก็บกวาดด้วยสจห. |
นำภาพ "น้ำประสานทองหรือบอแรกซ์.jpg" ออก ซึ่งถูกลบที่วิกิมีเดียคอมมอนส์โดย Krd เนื่องจาก No license since 22 January 2024 |
||
(ไม่แสดง 8 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 5 คน) | |||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{เก็บกวาด}} |
{{เก็บกวาด}} |
||
{{chembox |
{{chembox |
||
| Verifiedfields = changed |
|||
| Watchedfields = changed |
|||
| verifiedrevid = 455055388 |
|||
| Name = น้ำประสานทอง/บอแรกซ์ |
| Name = น้ำประสานทอง/บอแรกซ์ |
||
| OtherNames = {{ubl|Borax decahydrate|Sodium borate decahydrate|Sodium tetraborate decahydrate|Sodium tetrahydroxy tetraborate hexahydrate}} |
|||
| ImageFile = Borax crystals.jpg |
| ImageFile = Borax crystals.jpg |
||
| ImageName = Borax crystals |
| ImageName = Borax crystals |
||
| ImageSize = |
| ImageSize = 260px |
||
| ImageFile1 = |
| ImageFile1 = BoraxChem.png |
||
| ImageName1 = Ball-and-stick model of the unit cell of borax decahydrate |
| ImageName1 = Ball-and-stick model of the unit cell of borax decahydrate |
||
| ImageSize1 = 244px |
| ImageSize1 = 244px |
||
| IUPACName = disodium;3,7-dioxido-2,4,6,8,9-pentaoxa-1,3,5,7-tetraborabicyclo[3.3.1]nonane;decahydrate<ref name="NIMH.borax"/> |
|||
| IUPACName = Sodium tetraborate |
|||
| Section1 = {{chembox Identifiers |
|||
decahydrate |
|||
| CASNo = 1303-96-4 |
|||
| Section2 = {{Chembox Identifiers |
|||
| |
| CASNo_Ref = {{cascite|correct|CAS}} |
||
| ChEMBL = 3833375 |
|||
| ChEBI = 86222 |
|||
| ChemSpiderID = 17339255 |
| ChemSpiderID = 17339255 |
||
| EINECS = [https://echa.europa.eu/substance-information/-/substanceinfo/100.129.152 603-411-9]<ref name="NIMH.borax"/> |
|||
| UNII_Ref = {{fdacite|correct|FDA}} |
|||
| KEGG = D03243 |
|||
| PubChem = 16211214 |
|||
| RTECS = VZ2275000 |
|||
| UNII = 91MBZ8H3QO |
| UNII = 91MBZ8H3QO |
||
| InChI = 1/B4O7.2Na.10H2O/c5-1-7-3-9-2(6)10-4(8-1)11-3;;;;;;;;;;;;/h;;;10*1H2/q-2;2*+1;;;;;;;;;; |
|||
| ChEMBL_Ref = {{ebicite|changed|EBI}} |
|||
| SMILES = [Na+].[Na+].O0B(O)O[B-]1(O)OB(O)O[B-]0(O)O1.O.O.O.O.O.O.O.O |
|||
| ChEMBL = 1076681 |
|||
| ATCCode_prefix = S01 |
|||
| ATCCode_suffix = AX07 |
|||
| InChI = 1/B4O7.2Na.10H2O/c5-1-7-3-9-2 (6) 10-4 (8-1) 11-3;;;;;;;;;;;;/h;;;10*1H2/q-2;2*+1;;;;;;;;;; |
|||
| SMILES = [Na+].[Na+].[O-]B1OB2OB ([O-]) OB (O1) O2.O.O.O.O.O.O.O.O.O.O |
|||
| InChIKey = CDMADVZSLOHIFP-UHFFFAOYAP |
| InChIKey = CDMADVZSLOHIFP-UHFFFAOYAP |
||
| StdInChI = 1S/B4O7.2Na.10H2O/c5-1-7-3-9-2(6)10-4(8-1)11-3;;;;;;;;;;;;/h;;;10*1H2/q-2;2*+1;;;;;;;;;; |
|||
| StdInChI_Ref = {{stdinchicite|correct|chemspider}} |
|||
| StdInChI = 1S/B4O7.2Na.10H2O/c5-1-7-3-9-2 (6) 10-4 (8-1) 11-3;;;;;;;;;;;;/h;;;10*1H2/q-2;2*+1;;;;;;;;;; |
|||
| StdInChIKey_Ref = {{stdinchicite|correct|chemspider}} |
|||
| StdInChIKey = CDMADVZSLOHIFP-UHFFFAOYSA-N |
| StdInChIKey = CDMADVZSLOHIFP-UHFFFAOYSA-N |
||
}} |
|||
| CASNo_Ref = {{cascite|correct|CAS}} |
|||
| Section2 = {{Chembox Properties |
|||
| CASNo = 1303-96-4 |
|||
| Formula = {{chem2|Na2B4O5(OH)4*8H2O}} |
|||
| CASNo_Comment = (decahydrate) |
|||
| Na=2|B=4|O=17|H=20 |
|||
| EINECS = 215-540-4 |
|||
| Appearance = ของแข็งผลึกสีขาวหรือไม่มีสี |
|||
}} |
|||
| Density = 1.73 g/cm<sup>3</sup> (decahydrate, solid)<ref name=haynes2011/> |
|||
| Section3 = {{Chembox Properties |
|||
| Solubility = 31.7 g/L <ref name=haynes2011/> |
|||
| Formula = Na<sub>2</sub>B<sub>4</sub>O<sub>7</sub>·10H<sub>2</sub>O or Na<sub>2</sub>[B<sub>4</sub>O<sub>5</sub> (OH) <sub>4</sub>]·8H<sub>2</sub>O |
|||
| MolarMass = 381.38 (decahydrate) <br />201.22 (anhydrate) |
|||
| Appearance = white solid |
|||
| Density = 1.73 g/cm<sup>3</sup> (solid) |
|||
| MeltingPtC = 743 |
| MeltingPtC = 743 |
||
| MeltingPt_notes = (anhydrous)<ref name=haynes2011/><br />75 °C (decahydrate, decomposes)<ref name=haynes2011/> |
|||
| Melting_notes = anhydrate<ref>{{RubberBible86th|page=88}}</ref> |
|||
| BoilingPtC = 1575 |
| BoilingPtC = 1575 |
||
| BoilingPt_notes = (anhydrous)<ref name=haynes2011/> |
|||
| pKb = |
| pKb = |
||
| MagSus = −85.0·10<sup>−6</sup> cm<sup>3</sup>/mol (anhydrous)<ref name=haynes2011/>{{rp|p.4.135}} |
|||
| RefractIndex = ''n''<sub>1</sub>=1.447, ''n''<sub>2</sub>=1.469, ''n''<sub>3</sub>=1.472 (decahydrate)<ref name=haynes2011/>{{rp|p.4.139}} |
|||
}} |
|||
| Section3 = {{Chembox Structure |
|||
| Structure_ref =<ref name=levy1978/> |
|||
| CrystalStruct = [[Monoclinic]], [[Pearson symbol|mS92]], No. 15 |
|||
| SpaceGroup = C2/c |
|||
| PointGroup = 2/m |
|||
| LattConst_a = 1.1885 nm |
|||
| LattConst_b = 1.0654 nm |
|||
| LattConst_c = 1.2206 nm |
|||
| UnitCellFormulas = 4 |
|||
| UnitCellVolume = 1.4810 nm<sup>3</sup> |
|||
| LattConst_alpha = |
|||
| LattConst_beta = 106.623° |
|||
| LattConst_gamma = |
|||
| Coordination = |
|||
| MolShape = |
|||
| OrbitalHybridisation = |
|||
| Dipole = |
|||
}} |
|||
| Section6 = {{Chembox Pharmacology |
|||
| ATCCode_prefix = S01 |
|||
| ATCCode_suffix = AX07 |
|||
}} |
}} |
||
| Section7 = {{Chembox Hazards |
| Section7 = {{Chembox Hazards |
||
บรรทัด 48: | บรรทัด 67: | ||
| NFPA-F = 0 |
| NFPA-F = 0 |
||
| NFPA-R = 0 |
| NFPA-R = 0 |
||
| NFPA_ref = <ref name=NFPA2016/> |
|||
}} |
|||
| IDLH = N.D.<ref name=PGCH57/> |
|||
| REL = TWA 1 mg/m<sup>3</sup> (anhydrous and pentahydrate)<ref name=PGCH57/><ref name=PGCH59/><br /> TWA 5 mg/m<sup>3</sup> (decahydrate)<ref name=PGCH58/> |
|||
| PEL = ไม่มี<ref name=PGCH57/> |
|||
| GHSPictograms = {{GHS08}} |
|||
| HPhrases = {{H-phrases|360}} |
|||
| PPhrases = {{P-phrases|201|308+313}} |
|||
}} |
|||
<!--{{Chembox/DeltaHf298|-3276.75}} |
<!--{{Chembox/DeltaHf298|-3276.75}} |
||
{{Chembox/S298|189.53}} |
{{Chembox/S298|189.53}} |
||
-->| Section8 = {{Chembox Related |
|||
--> |
|||
| OtherAnions = [[Sodium aluminate]] |
|||
| Section8 = {{Chembox Related |
|||
| OtherCations = [[Lithium tetraborate]] |
|||
| OtherAnions = [[Sodium aluminate]]; [[sodium gallate]] |
|||
| OtherCompounds = [[Boric acid]], [[sodium perborate]] |
|||
| OtherCations = [[Potassium tetraborate]] |
|||
}} |
|||
| OtherCpds = [[Boric acid]], [[sodium perborate]]}} |
|||
}} |
}} |
||
'''น้ำประสานทอง''' หรือ '''บอแรกซ์''' เป็นสารประกอบที่สำคัญของ[[โบรอน]] ชื่อทางเคมี โซเดียมโบเรท ชื่อสามัญ น้ำประสานทอง หรือผงเนื้อกรอบ หรือเพ่งแซ เมื่อถ้าอยู่ในรูปผลึกบริสุทธิ์จะไม่มีสี ถ้านำไปเผาต่อจนไม่มีน้ำอยู่ในโมเลกุลจะเรียกน้ำประสานทองสะตุ เป็นผงมีสีขาว ละลายน้ำได้ง่าย มีรสขมเล็กน้อย |
'''น้ำประสานทอง''' หรือ '''บอแรกซ์''' เป็นสารประกอบที่สำคัญของ[[โบรอน]] ชื่อทางเคมี โซเดียมโบเรท ชื่อสามัญ น้ำประสานทอง หรือผงเนื้อกรอบ หรือเพ่งแซ เมื่อถ้าอยู่ในรูปผลึกบริสุทธิ์จะไม่มีสี ถ้านำไปเผาต่อจนไม่มีน้ำอยู่ในโมเลกุลจะเรียกน้ำประสานทองสะตุ เป็นผงมีสีขาว ละลายน้ำได้ง่าย มีรสขมเล็กน้อย |
||
== การใช้งาน == |
== การใช้งาน == |
||
บอแรกซ์เป็นสารสีขาวเป็นผงหรือที่เรียกว่าโซเดียมบอเรต โซเดียมเตตระบอเรตหรือไดโซเดียมเตตระบอเรต มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในฐานะน้ำยาทำความสะอาดในครัวเรือนและสารเพิ่มคุณภาพสำหรับน้ำยาซักผ้า เป็นส่วนผสมของโบรอน โซเดียม และออกซิเจน และมีการใช้ในการเชื่อมทองตามชื่อน้ำประสานทอง |
บอแรกซ์เป็นสารสีขาวเป็นผงหรือที่เรียกว่าโซเดียมบอเรต โซเดียมเตตระบอเรตหรือไดโซเดียมเตตระบอเรต มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในฐานะน้ำยาทำความสะอาดในครัวเรือนและสารเพิ่มคุณภาพสำหรับน้ำยาซักผ้า เป็นส่วนผสมของโบรอน โซเดียม และออกซิเจน และมีการใช้ในการเชื่อมทองตามชื่อน้ำประสานทอง |
||
บอแรกซ์ที่ใช้ในฐานะน้ำประสานทองจะพบได้ในธรรมชาติ มีมากในประเทศอินเดีย เนปาล ทิเบต และจีน ส่วนที่ใช้ในไทย นำเข้ามาจาก 2 แหล่ง คือ จากอินเดีย เรียก น้ำประสานทองเทศ และ จากจีน เรียก น้ำประสานทองจีน ซึ่งในการทำทองรูปพรรณจะมีการใช้คุณสมบัติของสารเคมีชนิดหนึ่งมาทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมทองคำบริสุทธิ์ให้เป็นเนื้อเดียวกัน สารเคมีตัวนั้น ก็คือ น้ำประสานทอง นั่นเอง |
|||
<u>การใช้งานและแพทย์แผนโบราณ</u><ref name=":0" /> |
|||
บอแรกซ์ถูกใช้เป็นส่วนผสมในอาหารมาตั้งแต่ยุคโบราณ<ref>{{Cite web|title=Boric Acid and Borax in Food|url=https://www.cfs.gov.hk/english/multimedia/multimedia_pub/multimedia_pub_fsf_37_01.html|website=www.cfs.gov.hk}}</ref>โดยเฉพาะใช้ในการถนอมอาหาร บอแรกซ์สามารถใช้แทนเกลือแกงในกรณีที่ไม่ต้องการให้มีรสเค็ม เช่นใช้ดองไข่ปลาคาร์เวียร์เป็นต้น ชาวเอเชียบางประเทศนิยมใส่ในแป้งให้เหนียวกรุบ ใส่ในลูกชิ้นทำให้เนื้อเหนียวเด้ง ประวัติการใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารที่ยาวนานนับพันปี |
|||
"น้ำประสานทอง" เป็นเกลือรูปแบบหนึ่ง ที่พบได้ในธรรมชาติ |
|||
บอแรกซ์จะมีลักษณะเป็นผลึกใสหรือเป็นผงสีขาว ไม่มีกลิ่น รสหวาน ถ้านำไปผ่านความร้อนแบบรวดเร็วที่อุณหภูมิประมาณ 75 องศาเซลเซียสจะละลายกลายเป็นน้ำ แต่ถ้าเผาที่ความร้อน 350 องศาเซลเซียสจะไม่มีน้ำอยู่ในโมเลกุล เรียกว่า "น้ำประสานทองสะตุ" การนำน้ำประสานทองไปสะตุในอุณหภูมิที่สูงโดยตั้งเตาด้วยแกลบ จุดไฟและเผาผ่านหม้อดิน หรือการก่อไฟด้วยแกลบ จะให้ความร้อนที่อุณหภูมิสูงมาก แต่หากสะดวกจะใช้ถ่าน หรือเชื้อเพลิงชนิดอื่นๆ ก็สามารถใช้ได้ |
|||
มีมากในประเทศอินเดีย เนปาล ทิเบต และจีน |
|||
ส่วนที่ใช้ในไทย นำเข้ามาจาก 2 แหล่ง คือ จากอินเดีย เรียก น้ำประสานทองเทศ |
|||
และ จากจีน เรียก น้ำประสานทองจีน |
|||
ซึ่งในการทำทองรูปพรรณ |
|||
จะมีการใช้คุณสมบัติของสารเคมีชนิดหนึ่ง |
|||
มาทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมทองคำบริสุทธิ์ให้เป็นเนื้อเดียวกัน |
|||
สารเคมีตัวนั้น ก็คือ น้ำประสานทอง นั่นเอง |
|||
<u>ผงผลึกสีขาวใส ทำไมเรียก "น้ำ"</u><ref>{{Cite web|title=[อัฏฐเวชคลินิกการแพทย์แผนไทย] #น้ำประสานทอง|url=https://www.blockdit.com/posts/5d9ed163ca4b5704c411d7e9|website=www.blockdit.com}}</ref> |
|||
น้ำประสานทอง มีลักษณะเป็นผลึกใสหรือเป็นผงสีขาว ไม่มีกลิ่น รสหวาน |
|||
ถ้านำไปผ่านความร้อนแบบรวดเร็วที่อุณหภูมิประมาณ 75 องศาเซลเซียส |
|||
จะละลายกลายเป็นน้ำ |
|||
แต่ถ้าเผาที่ความร้อน 350 องศาเซลเซียส |
|||
จะไม่มีน้ำอยู่ในโมเลกุล เรียกว่า "น้ำประสานทองสะตุ" |
|||
การนำน้ำประสานทองไปสะตุในอุณหภูมิที่สูง |
|||
โดยตั้งเตาด้วยแกลบ จุดไฟ และเผาผ่านหม้อดิน |
|||
การก่อไฟด้วยแกลบ จะให้ความร้อนที่อุณหภูมิสูงมาก |
|||
แต่หากสะดวกจะใช้ถ่าน หรือเชื้อเพลิงชนิดอื่นๆ ก็สามารถใข้ได้ |
|||
สรรพคุณทางยา |
|||
น้ำประสานทองใช้ภายนอก จะช่วยแก้ร้อนใน ถอนพิษ กันบูด บำบัดแผลในช่องปากและลิ้น เจ็บคอ หูมีน้ำหนอง |
|||
กลากเกลื้อนตามมือ รากฟันอักเสบ ปากมดลูกเป็นแผลเน่า ช่องคลอดอักเสบ โดยสามารถใช้ร่วมกับพิมเสนได้ |
|||
น้ำประสานทองใช้กิน จะช่วยแก้ร้อนใน ละลายเสมหะ บำบัดอาการไอ ไอร้อยวัน<ref>{{Cite web|title=น้ำประสานทอง|url=http://www.doohealthy.com/article/healthy/food/550-health.html|website=www.doohealthy.com}}</ref> |
|||
น้ำประสานทองเทศ |
|||
รสเย็น ขับเสมหะ แก้ไอ แก้ริดสีดวงจมูก ริดสีดวงที่เกิดในลำคอ แก้ไข้ผอมเหลือง แก้ริดสีดวงทวาร |
|||
แก้ฟกบวมแก้หืด |
|||
น้ำประสานทองสะตุ |
|||
(ได้จากการนำน้ำประสานทองเทศมาสะตุ) |
|||
รสปร่าชา แก้ละอองซาง ลอกลิ้นเด็ก กัดเม็ดยอดในปากคอ กัดเม็ดฝี |
|||
บอแรกซ์ถูกใช้เป็นส่วนผสมในอาหารมาตั้งแต่ยุคโบราณ <ref>{{Cite web|title=Boric Acid and Borax in Food|url=https://www.cfs.gov.hk/english/multimedia/multimedia_pub/multimedia_pub_fsf_37_01.html|website=www.cfs.gov.hk}}</ref>โดยเฉพาะใช้ในการถนอมอาหาร บอแรกซ์สามารถใช้แทนเกลือแกงในกรณีที่ไม่ต้องการให้มีรสเค็ม เช่นใช้ดองไข่ปลาคาร์เวียร์เป็นต้น ชาวเอเชียบางประเทศนิยมใส่ในแป้งให้เหนียวกรุบ ใส่ในลูกชิ้นทำให้เนื้อเหนียวเด้ง ประวัติการใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารที่ยาวนานนับพันปี |
|||
[[ไฟล์:น้ำประสานทองหรือบอแรกซ์.jpg|alt=การสะตุคือการทำให้ตัวยามีฤทธิ์อ่อนลงหรือทำให้พิษของตัวยาน้อยลงหรือทำให้ตัวยานั้นสะอาดขึ้น|thumb|[https://www.samunpri.com/pharmacy/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B8%B8/ 'น้ำประสานทอง'กำลังผ่านขั้นตอนสะตุ]]] |
|||
== การใช้ารบอแรกซ์ในครัวเรือน == |
|||
สารบอแรกซ์มีประโยชน์หลายอย่างในตัวมันเอง แถมยังเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์อื่นๆ ด้วย ต่อไปนี้คือการใช้ผงบอแรกซ์และบอแรกซ์บริสุทธิ์ในน้ำ |
|||
== การใช้สารบอแรกซ์ในครัวเรือน == |
|||
สารบอแรกซ์มีประโยชน์หลายอย่างในตัวมันเอง แถมยังเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์อื่นๆ ด้วย ต่อไปนี้คือการใช้ผงบอแรกซ์และบอแรกซ์บริสุทธิ์ในน้ำ |
|||
* ยาฆ่าแมลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงสาบและป้องกันมอด (สารละลาย 10 เปอร์เซ็นต์สำหรับผ้าขนสัตว์) |
* ยาฆ่าแมลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงสาบและป้องกันมอด (สารละลาย 10 เปอร์เซ็นต์สำหรับผ้าขนสัตว์) |
||
* ยาฆ่าเชื้อรา |
* ยาฆ่าเชื้อรา |
||
บรรทัด 151: | บรรทัด 120: | ||
* เชื่อมทองคำ |
* เชื่อมทองคำ |
||
** เชื่อมทองคำ |
|||
== ความเป็นพิษ == |
|||
ความเป็นพิษ (toxicity) บอแรกซ์ไม่มีความเป็นพิษต่อมนุษย์โดยตรง เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะมีผลต่อร่างกายคล้ายการได้รับเกลือแกง (NaCl) โดยร่างกายสามารถใช้ประโยชน์จากโซเดียมในบอแรกซ์ได้เช่นเดียวกับเกลือแกง |
|||
การได้รับบอแรกซ์ต่อเนื่องอาจก่อการระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจ การทานบอแรกซ์อาจก่ออาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น [[อาเจียน]], ปวดท้อง และ [[ท้องเสีย]] ผลกระทบต่อระบบหลอดเลือดและ[[สมอง]]ได้แก่อาการปวดศีรษะและความเฉื่อยชา ในกรณีที่รุนแรงอาจพบผื่นแดงได้<ref>{{cite book|last1=Reigart|first1=J. Routt|url=https://books.google.com/books?id=cVvUZ8wXPFsC&pg=PA76|title=Recognition and Management of Pesticide Poisonings (5th Ed. )|date=2009|publisher=DIANE Publishing|isbn=978-1-4379-1452-8|page=76|language=en|accessdate=4 June 2020}}</ref> ข้อมูลจากศูนย์คุ้มครองผู้บริโภคอินโดนีเซีย (Indonesian Directorate of Consumer Protection) ระบุเตือนว่าบอแรกซ์อาจก่อ[[มะเร็งตับ]]ได้หากมีการรับประทานบอแรกซ์ต่อเนื่องยาวนาน 5–10 ปี<ref name="IndonesiaDCP" /> |
|||
== อ้างอิง == |
|||
สารบอแรกซ์ในรูปแบบปกติของโซเดียม เตตระบอเรต ดีคาไฮเดรตไม่มีพิษรุนแรง ซึ่งหมายความว่าจำเป็นต้องสูดดมหรือกินเข้าไปในปริมาณมากเพื่อสร้างผลกระทบต่อสุขภาพ ยาฆ่าแมลงเป็นหนึ่งในสารเคมีที่ปลอดภัยที่สุดที่มีอยู่ การประเมินสารเคมีในปี 2549 โดย EPA ของสหรัฐอเมริกา ไม่พบสัญญาณของความเป็นพิษจากการสัมผัสและไม่มีหลักฐานของความเป็นพิษต่อเซลล์ในมนุษย์ ข้อมูลจากผลการศึกษาหนึ่งระบุว่า บอแรกซ์หรือ sodium tetraborate decahydrate ไม่มีผลพิษฉับพลัน (acutely toxic) ค่า LD50 (ขนานอันตรายถึงชีวิตโดยเฉลี่ย; median lethal dose) ของบอแรกซ์อยู่ที่ 2.66 กรัม/กิโลกรัม จากข้อมูลการทดลองในหนู การกินบอแรกซ์ในปริมาณมากอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และท้องร่วง ต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสม<ref>Helmenstine, แอนน์ มารี, Ph.D. "สารบอแรกซ์คืออะไรและใช้อย่างไร" ThoughtCo, 7 กันยายน 2021, thoughtco.com/what-is-borax-where-to-get-608509</ref> |
|||
{{รายการอ้างอิง|refs= |
|||
บอแรกซ์มีการใช้ในยาฆ่าแมลงในสหรัฐภายใต้การควบคุมมาตั้งแต่ปี 1946 กระทั่งในปี 1986 ได้มีการยกเลิกการควบคุมเนื่องจากภาวะพิษที่ไม่สูงของบอแรกซ์ ในรายงานของ EPA สองฉบับ<ref name="epa factsheet">{{cite web |url=https://archive.epa.gov/pesticides/reregistration/web/pdf/0024fact.pdf |title=Pesticide Reregistration Status | Pesticides | US EPA |website=Epa.gov |date= |accessdate=August 7, 2016}}</ref><ref name="borax cleared">{{cite web |url=http://www3.epa.gov/pesticides/chem_search/cleared_reviews/csr_PC-011103_25-Apr-93_002.pdf |title=Pesticides | US EPA |website=Epa.gov |date=August 20, 2015 |accessdate=August 7, 2016}}</ref> |
|||
<ref name="NIMH.borax">{{Cite web|last=PubChem|title=Borax|url=https://pubchem.ncbi.nlm.nih.gov/compound/16211214|access-date=2021-12-27|website=pubchem.ncbi.nlm.nih.gov|language=en}}</ref> |
|||
<ref name=haynes2011>{{cite book | editor= Haynes, William M. | year = 2011 | title = CRC Handbook of Chemistry and Physics | edition = 92nd | publisher = [[CRC Press]] | isbn = 978-1439855119| title-link = CRC Handbook of Chemistry and Physics }}</ref> |
|||
<ref name=levy1978>{{cite journal|doi=10.1107/S0567740878011504|title=Crystal structures of sodium sulfate decahydrate (Glauber's salt) and sodium tetraborate decahydrate (borax). Redetermination by neutron diffraction|journal=Acta Crystallographica Section B|volume=34|issue=12|pages=3502–3510|year=1978|last1=Levy|first1=H. A.|last2=Lisensky|first2=G. C.|bibcode=1978AcCrB..34.3502L |doi-access=}}</ref> |
|||
<ref name=PGCH57>{{PGCH|0057}}</ref> |
|||
<ref name=PGCH58>{{PGCH|0058}}</ref> |
|||
<ref name=PGCH59>{{PGCH|0059}}</ref> |
|||
<ref name=NFPA2016>{{cite web|url=http://tlsoakland.com/pdf/12.pdf|title=Potential Commodities NFPA 704|access-date=December 9, 2018|archive-url=https://web.archive.org/web/20160517223018/http://tlsoakland.com/pdf/12.pdf|archive-date=May 17, 2016|url-status=dead}}</ref> |
|||
<ref name=IndonesiaDCP>{{cite web|url=http://pkditjenpdn.depdag.go.id/English/index.php?page=infodtl&InfoID=8&dtl=1 |title=Watch Out For The Food We Consume |year=2006 |publisher=Directorate of Consumer Protection, Jakarta, Indonesia |accessdate=February 10, 2009 |url-status=dead |archiveurl=https://web.archive.org/web/20081228204459/http://pkditjenpdn.depdag.go.id/English/index.php?page=infodtl&InfoID=8&dtl=1 |archivedate=December 28, 2008 }}</ref> |
|||
}} |
|||
== แหล่งข้อมูลอื่น == |
|||
การได้รับบอแรกซ์ต่อเนื่องอาจก่อการระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจ การทานบอแรกซ์อาจก่ออาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น [[อาเจียน]], ปวดท้อง และ [[ท้องเสีย]] ผลกระทบต่อระบบหลอดเลือดและ[[สมอง]]ได้แก่อาการปวดศีรษะและความเฉื่อยชา ในกรณีที่รุนแรงอาจพบผื่นแดงได้<ref>{{cite book |last1=Reigart |first1=J. Routt |title=Recognition and Management of Pesticide Poisonings (5th Ed. ) |date=2009 |publisher=DIANE Publishing |isbn=978-1-4379-1452-8 |page=76 |url=https://books.google.com/books?id=cVvUZ8wXPFsC&pg=PA76 |accessdate=4 June 2020 |language=en}}</ref> |
|||
{{Commons category|Borax}} |
|||
* {{ICSC|0567}} |
|||
ข้อมูลจากศูนย์คุ้มครองผู้บริโภคอินโดนีเซีย (Indonesian Directorate of Consumer Protection) ระบุเตือนว่าบอแรกซ์อาจก่อ[[มะเร็งตับ]]ได้หากมีการรับประทานบอแรกซ์ต่อเนื่องยาวนาน 5–10 ปี<ref name=IndonesiaDCP/> |
|||
* {{ICSC|1229}} (fused borax) |
|||
* [https://web.archive.org/web/20060209040519/http://www.npi.gov.au/database/substance-info/profiles/15.html National Pollutant Inventory – Boron and compounds] |
|||
* [https://www.cdc.gov/niosh/npg/npgd0058.html NIOSH Pocket Guide to Chemical Hazards] |
|||
* [https://web.archive.org/web/20020821230321/http://www.sefsc.noaa.gov/HTMLdocs/SodiumBorate.htm Sodium Borate in sefsc.noaa.gov] |
|||
{{Authority control}} |
|||
== อ้างอิง == |
|||
{{รายการอ้างอิง}} |
|||
[[หมวดหมู่:สารประกอบโบรอน]] |
[[หมวดหมู่:สารประกอบโบรอน]] |
||
[[หมวดหมู่:สารประกอบโซเดียม]] |
[[หมวดหมู่:สารประกอบโซเดียม]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 12:59, 30 มกราคม 2567
บทความนี้ต้องการการจัดหน้า จัดหมวดหมู่ ใส่ลิงก์ภายใน หรือเก็บกวาดเนื้อหา ให้มีคุณภาพดีขึ้น คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก พิจารณาใช้ป้ายข้อความอื่นเพื่อชี้ชัดข้อบกพร่อง |
ชื่อ | |
---|---|
IUPAC name
disodium;3,7-dioxido-2,4,6,8,9-pentaoxa-1,3,5,7-tetraborabicyclo[3.3.1]nonane;decahydrate[1]
| |
ชื่ออื่น
| |
เลขทะเบียน | |
3D model (JSmol)
|
|
ChEBI | |
ChEMBL | |
เคมสไปเดอร์ | |
EC Number | |
เลขอี | E285 (preservatives) |
KEGG | |
ผับเคม CID
|
|
RTECS number |
|
UNII | |
CompTox Dashboard (EPA)
|
|
| |
| |
คุณสมบัติ | |
Na2B4O5(OH)4·8H2O | |
มวลโมเลกุล | 381.36 g·mol−1 |
ลักษณะทางกายภาพ | ของแข็งผลึกสีขาวหรือไม่มีสี |
ความหนาแน่น | 1.73 g/cm3 (decahydrate, solid)[2] |
จุดหลอมเหลว | 743 องศาเซลเซียส (1,369 องศาฟาเรนไฮต์; 1,016 เคลวิน) (anhydrous)[2] 75 °C (decahydrate, decomposes)[2] |
จุดเดือด | 1,575 องศาเซลเซียส (2,867 องศาฟาเรนไฮต์; 1,848 เคลวิน) (anhydrous)[2] |
31.7 g/L [2] | |
−85.0·10−6 cm3/mol (anhydrous)[2]: p.4.135 | |
ดัชนีหักเหแสง (nD)
|
n1=1.447, n2=1.469, n3=1.472 (decahydrate)[2]: p.4.139 |
โครงสร้าง[3] | |
Monoclinic, mS92, No. 15 | |
C2/c | |
2/m | |
a = 1.1885 nm, b = 1.0654 nm, c = 1.2206 nm α = 90°, β = 106.623°°, γ = 90°
| |
ปริมาณแลตทิซ (V)
|
1.4810 nm3 |
หน่วยสูตร (Z)
|
4 |
เภสัชวิทยา | |
S01AX07 (WHO) | |
ความอันตราย | |
GHS labelling: | |
H360 | |
P201, P308+P313 | |
NFPA 704 (fire diamond) | |
NIOSH (US health exposure limits): | |
PEL (Permissible)
|
ไม่มี[4] |
REL (Recommended)
|
TWA 1 mg/m3 (anhydrous and pentahydrate)[4][5] TWA 5 mg/m3 (decahydrate)[6] |
IDLH (Immediate danger)
|
N.D.[4] |
สารประกอบอื่นที่เกี่ยวข้องกัน | |
แอนไอออนอื่น ๆ
|
Sodium aluminate |
แคทไอออนอื่น ๆ
|
Lithium tetraborate |
สารประกอบที่เกี่ยวข้อง
|
Boric acid, sodium perborate |
หากมิได้ระบุเป็นอื่น ข้อมูลข้างต้นนี้คือข้อมูลสาร ณ ภาวะมาตรฐานที่ 25 °C, 100 kPa
|
น้ำประสานทอง หรือ บอแรกซ์ เป็นสารประกอบที่สำคัญของโบรอน ชื่อทางเคมี โซเดียมโบเรท ชื่อสามัญ น้ำประสานทอง หรือผงเนื้อกรอบ หรือเพ่งแซ เมื่อถ้าอยู่ในรูปผลึกบริสุทธิ์จะไม่มีสี ถ้านำไปเผาต่อจนไม่มีน้ำอยู่ในโมเลกุลจะเรียกน้ำประสานทองสะตุ เป็นผงมีสีขาว ละลายน้ำได้ง่าย มีรสขมเล็กน้อย
การใช้งาน
[แก้]บอแรกซ์เป็นสารสีขาวเป็นผงหรือที่เรียกว่าโซเดียมบอเรต โซเดียมเตตระบอเรตหรือไดโซเดียมเตตระบอเรต มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในฐานะน้ำยาทำความสะอาดในครัวเรือนและสารเพิ่มคุณภาพสำหรับน้ำยาซักผ้า เป็นส่วนผสมของโบรอน โซเดียม และออกซิเจน และมีการใช้ในการเชื่อมทองตามชื่อน้ำประสานทอง
บอแรกซ์ที่ใช้ในฐานะน้ำประสานทองจะพบได้ในธรรมชาติ มีมากในประเทศอินเดีย เนปาล ทิเบต และจีน ส่วนที่ใช้ในไทย นำเข้ามาจาก 2 แหล่ง คือ จากอินเดีย เรียก น้ำประสานทองเทศ และ จากจีน เรียก น้ำประสานทองจีน ซึ่งในการทำทองรูปพรรณจะมีการใช้คุณสมบัติของสารเคมีชนิดหนึ่งมาทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมทองคำบริสุทธิ์ให้เป็นเนื้อเดียวกัน สารเคมีตัวนั้น ก็คือ น้ำประสานทอง นั่นเอง
บอแรกซ์ถูกใช้เป็นส่วนผสมในอาหารมาตั้งแต่ยุคโบราณ[8]โดยเฉพาะใช้ในการถนอมอาหาร บอแรกซ์สามารถใช้แทนเกลือแกงในกรณีที่ไม่ต้องการให้มีรสเค็ม เช่นใช้ดองไข่ปลาคาร์เวียร์เป็นต้น ชาวเอเชียบางประเทศนิยมใส่ในแป้งให้เหนียวกรุบ ใส่ในลูกชิ้นทำให้เนื้อเหนียวเด้ง ประวัติการใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารที่ยาวนานนับพันปี
บอแรกซ์จะมีลักษณะเป็นผลึกใสหรือเป็นผงสีขาว ไม่มีกลิ่น รสหวาน ถ้านำไปผ่านความร้อนแบบรวดเร็วที่อุณหภูมิประมาณ 75 องศาเซลเซียสจะละลายกลายเป็นน้ำ แต่ถ้าเผาที่ความร้อน 350 องศาเซลเซียสจะไม่มีน้ำอยู่ในโมเลกุล เรียกว่า "น้ำประสานทองสะตุ" การนำน้ำประสานทองไปสะตุในอุณหภูมิที่สูงโดยตั้งเตาด้วยแกลบ จุดไฟและเผาผ่านหม้อดิน หรือการก่อไฟด้วยแกลบ จะให้ความร้อนที่อุณหภูมิสูงมาก แต่หากสะดวกจะใช้ถ่าน หรือเชื้อเพลิงชนิดอื่นๆ ก็สามารถใช้ได้
การใช้สารบอแรกซ์ในครัวเรือน
[แก้]สารบอแรกซ์มีประโยชน์หลายอย่างในตัวมันเอง แถมยังเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์อื่นๆ ด้วย ต่อไปนี้คือการใช้ผงบอแรกซ์และบอแรกซ์บริสุทธิ์ในน้ำ
- ยาฆ่าแมลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงสาบและป้องกันมอด (สารละลาย 10 เปอร์เซ็นต์สำหรับผ้าขนสัตว์)
- ยาฆ่าเชื้อรา
- สารกำจัดวัชพืช
- สารดูดความชื้น
- น้ำยาซักผ้า
- น้ำยาทำความสะอาดในครัวเรือน
- น้ำยาปรับสภาพน้ำ
- วัตถุเจือปนอาหารเป็นสารกันบูด (ห้ามในบางประเทศ)
บอแรกซ์เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกหลายอย่าง ได้แก่:
- บัฟเฟอร์โซลูชั่น
- สารหน่วงไฟ
- ผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟัน
- แก้ว เซรามิก และเครื่องปั้นดินเผา
- เคลือบอีนาเมล
- สารตั้งต้นของกรดบอริก
- โครงงานวิทยาศาสตร์ เช่น ไฟสีเขียวเมือกและผลึกบอแรกซ์
- เคมีวิเคราะห์ บอแรกซ์บีดทดสอบ
- ฟลักซ์สำหรับเชื่อมเหล็กและเหล็กกล้า
- เชื่อมทองคำ
ความเป็นพิษ
[แก้]การได้รับบอแรกซ์ต่อเนื่องอาจก่อการระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจ การทานบอแรกซ์อาจก่ออาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น อาเจียน, ปวดท้อง และ ท้องเสีย ผลกระทบต่อระบบหลอดเลือดและสมองได้แก่อาการปวดศีรษะและความเฉื่อยชา ในกรณีที่รุนแรงอาจพบผื่นแดงได้[9] ข้อมูลจากศูนย์คุ้มครองผู้บริโภคอินโดนีเซีย (Indonesian Directorate of Consumer Protection) ระบุเตือนว่าบอแรกซ์อาจก่อมะเร็งตับได้หากมีการรับประทานบอแรกซ์ต่อเนื่องยาวนาน 5–10 ปี[10]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 PubChem. "Borax". pubchem.ncbi.nlm.nih.gov (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2021-12-27.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 2.6 Haynes, William M., บ.ก. (2011). CRC Handbook of Chemistry and Physics (92nd ed.). CRC Press. ISBN 978-1439855119.
- ↑ Levy, H. A.; Lisensky, G. C. (1978). "Crystal structures of sodium sulfate decahydrate (Glauber's salt) and sodium tetraborate decahydrate (borax). Redetermination by neutron diffraction". Acta Crystallographica Section B. 34 (12): 3502–3510. Bibcode:1978AcCrB..34.3502L. doi:10.1107/S0567740878011504.
- ↑ 4.0 4.1 4.2 NIOSH Pocket Guide to Chemical Hazards. "#0057". National Institute for Occupational Safety and Health (NIOSH).
- ↑ NIOSH Pocket Guide to Chemical Hazards. "#0059". National Institute for Occupational Safety and Health (NIOSH).
- ↑ NIOSH Pocket Guide to Chemical Hazards. "#0058". National Institute for Occupational Safety and Health (NIOSH).
- ↑ "Potential Commodities NFPA 704" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ May 17, 2016. สืบค้นเมื่อ December 9, 2018.
- ↑ "Boric Acid and Borax in Food". www.cfs.gov.hk.
- ↑ Reigart, J. Routt (2009). Recognition and Management of Pesticide Poisonings (5th Ed. ) (ภาษาอังกฤษ). DIANE Publishing. p. 76. ISBN 978-1-4379-1452-8. สืบค้นเมื่อ 4 June 2020.
- ↑ "Watch Out For The Food We Consume". Directorate of Consumer Protection, Jakarta, Indonesia. 2006. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 28, 2008. สืบค้นเมื่อ February 10, 2009.