ข้ามไปเนื้อหา

ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สโมสรฟุตบอลเชียงราย ยูไนเต็ด"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ยุทธนาสาระขันธ์ (คุย | ส่วนร่วม)
Opalzasw (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 62: บรรทัด 62:


=== เชียงราย ยูไนเต็ดภายใต้การสนับสนุนของ สิงห์ ===
=== เชียงราย ยูไนเต็ดภายใต้การสนับสนุนของ สิงห์ ===
ในฤดูกาล 2559 สิงห์ปาร์ค ของบริษัทสิงห์ ได้เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลักของทีม ทำให้เชียงราย ยูไนเต็ดเริ่มมีเงินทุนในการพัฒนาทีมมากขึ้น โดยสามารถดึงนักเตะชื่อดังอย่าง[[ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์]]เข้ามาร่วมทีมได้ เมื่อจบฤดูกาล สโมสรได้แยกทางกับธีรศักดิ์ โพธ์อ้น และได้แต่งตั้ง[[อาเลชังดรี กามา]] อดีตผู้ฝึกสอนของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดเข้ามาเป็นผู้ฝึกสอน ในวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2560 นาย มิตติ ติยะไพรัช ประธานสโมสรได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวยืนยันว่าได้ทำการเปลี่ยนชื่อสโมสรเป็น '''สโมสรฟุตบอลสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด''' <ref>[http://www.goal.com/s/th/news/4280/2017/01/28/32043392/ มิตติแจงประเด็นเปลี่ยนชื่อทีมเป็น '''สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด'''] โกลดอตคอม วันที่ 28 มกราคม 2560 </ref> รวมถึงเปลี่ยนชื่อสนามเป็นสิงห์ สเตเดียม เนื่องจากได้ผลิตภัณฑ์สิงห์เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลัก โดยในฤดูกาล 2560 เชียงราย ยูไนเต็ดได้ยกระดับทีมขึ้นมาเป็นทีมเจ้าบุญทุ่มอย่างเต็มตัวด้วยงบการทำทีมกว่า 300 ล้านบาท ได้มีซื้อตัวนักฟุตบอลชื่อดังและสามารถดึงตัวผู้เล่นระดับแถวหน้า อาทิ [[ธนบูรณ์ เกษารัตน์]] เข้าทีมมาด้วยค่าตัว 50 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าตัวนักเตะไทยที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์
ในฤดูกาล 2559 สิงห์ปาร์ค ของบริษัทสิงห์ ได้เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลักของทีม ทำให้เชียงราย ยูไนเต็ดเริ่มมีเงินทุนในการพัฒนาทีมมากขึ้น โดยสามารถดึงนักเตะชื่อดังอย่าง[[ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์]]เข้ามาร่วมทีมได้ เมื่อจบฤดูกาล สโมสรได้แยกทางกับธีรศักดิ์ โพธ์อ้น และได้แต่งตั้ง[[อาเลชังดรี กามา]] อดีตผู้ฝึกสอนของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดเข้ามาเป็นผู้ฝึกสอน ในวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2560 นาย มิตติ ติยะไพรัช ประธานสโมสรได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวยืนยันว่าได้ทำการเปลี่ยนชื่อสโมสรเป็น '''สโมสรฟุตบอลสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด'''<ref>[http://www.goal.com/s/th/news/4280/2017/01/28/32043392/ มิตติแจงประเด็นเปลี่ยนชื่อทีมเป็น '''สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด'''] โกลดอตคอม วันที่ 28 มกราคม 2560 </ref> รวมถึงเปลี่ยนชื่อสนามเป็นสิงห์ สเตเดียม เนื่องจากได้ผลิตภัณฑ์สิงห์ได้เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลัก โดยในฤดูกาล 2560 เชียงราย ยูไนเต็ดได้ยกระดับทีมขึ้นมาเป็นทีมเจ้าบุญทุ่มอย่างเต็มตัวด้วยงบการทำทีมกว่า 300 ล้านบาท ได้มีซื้อตัวนักฟุตบอลชื่อดังและสามารถดึงตัวผู้เล่นระดับแถวหน้า อาทิ [[ธนบูรณ์ เกษารัตน์]] เข้าทีมมาด้วยค่าตัว 50 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าตัวนักเตะไทยที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังได้เซ็นสัญญากับนักฟุตบอลดาวรุ่งจากเมืองทอง ยูไนเต็ดอีกกว่า 5 คน ได้แก่ [[พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล]], [[ศิวกรณ์ เตียตระกูล]], [[ชัยวัฒน์ บุราณ]], [[สุริยา สิงห์มุ้ย]] และ [[ชินภัทร ลีเอาะ]] ที่ภายหลังได้พัฒนาฝีเท้าจนกลายเป็นนักเตะตัวหลักของทีมไปในที่สุด


ฤดูกาล 2560 ภายใต้การคุมทีมของกามา เชียงราย ยูไนเต็ดสามารถทำผลงานได้ดีกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยสามารถจบฤดูกาลได้ในอันดับที่ 4 ได้ตำแหน่งรองแชมป์ฟุตบอลรายการ[[โตโยต้า ลีกคัพ 2560|โตโยต้า ลีกคัพ]] และคว้าแชมป์[[ช้าง เอฟเอคัพ 2560|ช้าง เอฟเอคัพ]] มาครองได้สำเร็จเป็นแชมป์แรกในประวัติศาสตร์สโมสร ด้วยการเอาชนะทีมแบ็งค็อก ยูไนเต็ดไป 4-2 พร้อมได้สิทธิ์ในการเล่นรอบเพลย์ออฟรายการเอเอฟซี แชมป์เปียนลีก ฤดูกาลถัดไป และแม้ในฤดูกาล 2561 นั้น เชียงราย ยูไนเต็ดจะประสบปัญหาหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น การที่ผู้เล่นตัวหลักทั้ง ธนบูรณ์ เกษารัตน์ และ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ย้ายออกจากทีม การลาออกของรองประธานสโมสรผู้เป็นกำลังหลักในการบริหารอย่าง ธนพล วิระเทพสุภรณ์ หรือแม้แต่การที่ทีมไม่สามารถรักษาฟอร์มการเล่นที่คงเส้นคงวาในฟุตบอลลีกได้ แต่เชียงราย ยูไนเต็ดก็ยังคงรักษาฟอร์มการเล่นในฟุตบอลถ้วยได้อย่างยอดเยี่ยมจนสร้างประวัติศาสตร์คว้า "ทริปเปิลแชมป์" ได้เป็นครั้งแรกของสโมสร ([[ช้าง เอฟเอคัพ 2561|ช้าง เอฟเอคัพ]], [[โตโยต้า ลีกคัพ 2561|โตโยต้า ลีกคัพ]] และ [[ไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ 2561|ไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ]]) ก่อนที่ทางสโมสรจะตัดสินใจแยกทางกับอาเลชังดรี กามาในนัดสุดท้ายของฤดูกาล ซึ่งเป็นนัดที่เชียงราย ยูไนเต็ดเอาชนะบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดไปได้ 3-2 และสามารถป้องกันแชมป์ช้าง เอฟเอคัพ พร้อมรับสิทธิ์ไปเล่นรอบเพลย์ออฟรายการเอเอฟซี แชมป์เปียนลีกได้เป็นปีที่สองติดต่อกัน
ฤดูกาล 2560 ภายใต้การคุมทีมของกามา เชียงราย ยูไนเต็ดสามารถทำผลงานได้ดีกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยสามารถจบฤดูกาลได้ในอันดับที่ 4 ได้ตำแหน่งรองแชมป์ฟุตบอลรายการ[[โตโยต้า ลีกคัพ 2560|โตโยต้า ลีกคัพ]] และคว้าแชมป์[[ช้าง เอฟเอคัพ 2560|ช้าง เอฟเอคัพ]] มาครองได้สำเร็จเป็นแชมป์แรกในประวัติศาสตร์สโมสร ด้วยการเอาชนะทีมแบ็งค็อก ยูไนเต็ดไป 4-2 พร้อมได้สิทธิ์ในการเล่นรอบเพลย์ออฟรายการเอเอฟซี แชมป์เปียนลีก ฤดูกาลถัดไป และแม้ในฤดูกาล 2561 นั้น เชียงราย ยูไนเต็ดจะประสบปัญหาหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น การที่ผู้เล่นตัวหลักทั้ง ธนบูรณ์ เกษารัตน์ และ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ย้ายออกจากทีม การลาออกของรองประธานสโมสรผู้เป็นกำลังหลักในการบริหารอย่าง ธนพล วิระเทพสุภรณ์ หรือแม้แต่การที่ทีมไม่สามารถรักษาฟอร์มการเล่นที่คงเส้นคงวาในฟุตบอลลีกได้ แต่เชียงราย ยูไนเต็ดก็ยังคงรักษาฟอร์มการเล่นในฟุตบอลถ้วยได้อย่างยอดเยี่ยมจนสร้างประวัติศาสตร์คว้า "ทริปเปิลแชมป์" ได้เป็นครั้งแรกของสโมสร ([[ช้าง เอฟเอคัพ 2561|ช้าง เอฟเอคัพ]], [[โตโยต้า ลีกคัพ 2561|โตโยต้า ลีกคัพ]] และ [[ไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ 2561|ไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ]]) ก่อนที่ทางสโมสรจะตัดสินใจแยกทางกับอาเลชังดรี กามาในนัดสุดท้ายของฤดูกาล ซึ่งเป็นนัดที่เชียงราย ยูไนเต็ดเอาชนะบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดไปได้ 3-2 และสามารถป้องกันแชมป์ช้าง เอฟเอคัพ พร้อมรับสิทธิ์ไปเล่นรอบเพลย์ออฟรายการเอเอฟซี แชมป์เปียนลีกได้เป็นปีที่สองติดต่อกัน


ในช่วงก่อนเริ่มฤดูกาล 2562 นายมิตติ ติยะไพรัชได้ตัดสินใจสละตำแหน่งประธานสโมสรให้แก่นางสาวปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช ผู้เป็นน้องสาว เนื่องจากตนต้องการทำงานด้านการเมืองกับทาง[[พรรคไทยรักษาชาติ]] อย่างเต็มที่ ก่อนจะถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปีและกลับเข้ามารับตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของสโมสรในภายหลัง เมื่อฤดูกาล 2562 เปิดฉากขึ้น เชียงราย ยูไนเต็ดภายใต้การคุมทีมของผู้ฝึกสอนคนใหม่อย่าง [[ไอล์ตง ดูซ ซังตูซ ซิลวา|ไอล์ตัน ซิลวา]] ก็สามารถทำผลงานได้ดีและสม่ำเสมอกว่าในฤดูกาลที่ผ่านมา แม้จะตกรอบฟุตบอลถ้วยทุกรายการ แต่ก็ยังคงสามารถรักษาผลงานในลีกได้จนก้าวขึ้นมาเบียดแย่งตำแหน่งจ่าฝูงกับ[[บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด]] ในช่วงท้ายของการแข่งขัน ซึ่งระยะห่างของคะแนนที่สูสีนี้ทำให้ต้องมีการตัดสินแชมป์กันจนถึงนัดสุดท้ายของฤดูกาล โดยก่อนการแข่งขันนัดสุดท้ายนั้น เชียงราย ยูไนเต็ดมีคะแนนทั้งหมด 55 แต้ม ในขณะที่ทางบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดมีคะแนนรวม 57 แต้ม นำเป็นจ่าฝูงของลีก แต่เมื่อจบการแข่งขันนัดสุดท้าย ทั้งสองทีมกลับมีเท่ากันที่ 58 แต้ม เนื่องจากเชียงราย ยูไนเต็ดสามารถเอาชนะ[[สโมสรฟุตบอลสุพรรณบุรี|สุพรรณบุรี เอฟซี]] ไปได้ 5–2 ส่วนบุรีรัมย์กลับพลาดท่าเสมอกับสโมสร[[เชียงใหม่ เอฟซี]] 1-1 เมื่อคะแนนของทั้งสองทีมเท่ากัน จึงจำเป็นต้องมีการตัดสินด้วยกฏเฮดทูเฮด ซึ่งเชียงรายนั้นมีเฮดทูเฮดที่ดีกว่าบุรีรัมย์ (เสมอ 0-0 ในเกมเยือน และชนะ 4-0 ในเกมเหย้า) ทำให้เชียงราย ยูไนเต็ดพลิกสถานการณ์กลับมาคว้าแชมป์[[ไทยลีก]]สมัยแรกมาครองได้สำเร็จในที่สุด
ในช่วงก่อนเริ่มฤดูกาล 2562 นายมิตติ ติยะไพรัชได้ตัดสินใจสละตำแหน่งประธานสโมสรให้แก่นางสาวปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช ผู้เป็นน้องสาว เนื่องจากตนต้องการทำงานด้านการเมืองกับทาง[[พรรคไทยรักษาชาติ]] อย่างเต็มที่ ก่อนจะถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปีและกลับเข้ามารับตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของสโมสรในภายหลัง เมื่อฤดูกาล 2562 เปิดฉากขึ้น เชียงราย ยูไนเต็ดภายใต้การคุมทีมของผู้ฝึกสอนคนใหม่อย่าง [[ไอล์ตง ดูซ ซังตูซ ซิลวา|ไอล์ตัน ซิลวา]] ก็สามารถทำผลงานได้ดีและสม่ำเสมอกว่าในฤดูกาลที่ผ่านมา สืบเนื่องจากผู้เล่นชาวไทยที่มีความเข้าใจรูปแบบการเล่นของทีมบวกกับความเด็ดขาดในการทำประตูของคู่กองหน้าอย่าง [[โรซีมาร์ อามังซียู|บิลล์ โรซีมาร์]] และ [[วิลเลียม เอนรีเก โรดรีเกส ดา ซิลวา|วิลเลียม เอนรีเก]] แม้ทีมจะตกรอบฟุตบอลถ้วยทุกรายการ แต่ก็ยังคงสามารถรักษาผลงานในลีกได้จนก้าวขึ้นมาเบียดแย่งตำแหน่งจ่าฝูงกับ[[บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด]] ในช่วงท้ายได้อย่างสูสีจนต้องตัดสินแชมป์กันในนัดสุดท้ายของฤดูกาล โดยก่อนการแข่งขันนั้น เชียงราย ยูไนเต็ดมีคะแนนทั้งหมด 55 แต้ม ในขณะที่ทางบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดมีคะแนนรวม 57 แต้ม นำเป็นจ่าฝูงของลีก แต่เมื่อจบการแข่งขันนัดสุดท้าย ทั้งสองทีมกลับมีเท่ากันที่ 58 แต้ม เนื่องจากเชียงราย ยูไนเต็ดสามารถเอาชนะ[[สโมสรฟุตบอลสุพรรณบุรี|สุพรรณบุรี เอฟซี]] ไปได้ 5–2 ส่วนบุรีรัมย์นั้นพลาดท่าเสมอกับสโมสร[[เชียงใหม่ เอฟซี]] 1-1 เมื่อคะแนนของทั้งสองทีมเท่ากัน จึงจำเป็นต้องมีการตัดสินด้วยกฏเฮดทูเฮด ซึ่งเชียงรายนั้นมีเฮดทูเฮดที่ดีกว่าบุรีรัมย์ (เสมอ 0-0 ในเกมเยือน และชนะ 4-0 ในเกมเหย้า) ทำให้เชียงราย ยูไนเต็ดพลิกสถานการณ์และคว้าแชมป์[[ไทยลีก]]สมัยแรกมาครองได้สำเร็จในที่สุด

แม้สโมสรจะประสบปัญหาเรื่องรายได้จาก[[การระบาดทั่วของโควิด-19|การระบาดของโรคโควิด-19]] ในฤดูกาล 2563-64 แต่เชียงราย ยูไนเต็ดก็สามารถประคับประคองสถานะของทีมให้ไปต่อได้ โดยได้มีการลดงบประมาณการทำทีมและแต่งตั้งให้เอเมอร์สัน ปาไรร่า เป็นผู้ฝึกสอนชั่วคราว ก่อนที่จะจบฤดูกาลด้วยการคว้าแชมป์ช้าง เอฟเอคัพมาครองได้เป็นสมัยที่ 3


== สนาม ==
== สนาม ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 16:51, 15 พฤษภาคม 2564

สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด
ชื่อเต็มสโมสรฟุตบอลสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด
ฉายากว่างโซ้งมหาภัย
ก่อตั้งพ.ศ. 2552
สนามสิงห์ สเตเดียม
ความจุ12,000 ที่นั่ง
ประธานปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช[1]
ผู้จัดการปรัชญ์ มาลารัตน์
ผู้ฝึกสอนเอเมอร์สัน ปาไรร่า
ลีกไทยลีก
2563–64ไทยลีก, อันดับที่ 4
เว็บไซต์เว็บไซต์สโมสร
สีชุดทีมเยือน
สีชุดที่สาม
ฤดูกาลปัจจุบัน

สโมสรฟุตบอลสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด (อังกฤษ: Singha Chiangrai United) เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพในประเทศไทย เป็นทีมฟุตบอลจากจังหวัดเชียงราย ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2552 ปัจจุบันลงแข่งขันอยู่ในไทยลีก

ประวัติสโมสร

การก่อตั้งและการเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุด

สโมสรก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2552 โดยใช้ชื่อว่า "สโมสรฟุตบอลเชียงราย ยูไนเต็ด" มีนายมิตติ ติยะไพรัชเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นประธานสโมสร ซึ่งนายมิตตินั้นมีความชื่นชอบกีฬาฟุตบอลมาแต่เดิมและต้องการมีสโมสรฟุตบอลเป็นของตนเอง ประจวบกับการเกิดขึ้นของลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 ในปีพ.ศ. 2552 นายมิตติจึงตัดสินใจส่งทีมลงแข่งขันในปีนั้นในฐานะทีมฟุตบอลของจังหวัดเชียงราย และได้เลือกใช้ "กว่างโซ้ง" เป็นสัญลักษณ์ทีม สื่อถึงความเป็นนักสู้ และใช้สีส้มเป็นเสื้อทีมเหย้า ในช่วงแรกนั้นการบริหารทีมเป็นไปอย่างลำบากเนื่องจากคนในจังหวัดยังไม่ตื่นตัวกับฟุตบอลไทยมากนัก แต่การคุมทีมของ ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ได้ช่วยให้สโมสรมีผลงานในสนามที่น่าพอใจและเริ่มเป็นที่สนใจมากขึ้น สามารถจบอันดับหนึ่งของตารางลีกภูมิภาค ภาคเหนือ ด้วยสถิติไร้พ่าย ก่อนจะจบอันดับที่ 2 ในรอบเพลย์ออฟ และได้สิทธิ์เลื่อนชั้นสู่ไทยลีกดิวิชั่น 1 ในฤดูกาล พ.ศ. 2553

ในลีกดิวิชั่น 1 นั้น เชียงราย ยูไนเต็ด เริ่มต้นฤดูกาลได้อย่างไม่ดีนักเนื่องจากโค้ชธวัชชัยได้ย้ายไปคุมทีมพัทยา ยูไนเต็ด ทำให้ทีมในช่วงแรกนั้นยังไม่สามารถทำผลงานได้ดี อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนตัวผู้ฝึกสอนบ่อย อย่างไรก็ตาม นายมิตติได้ตัดสินใจเลือก สเตฟาโน คูกูรา ผู้ฝึกสอนชาวบราซิลเข้ามาคุมทีมในช่วงกลางฤดูกาล ภายใต้การคุมทีมของคูกูรา เชียงราย ยูไนเต็ดสามารถทำอันดับได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จากอันดับที่ 13 ของตารางขึ้นมาอยู่อันดับต้นๆ และจบฤดูกาลด้วยอันดับที่สาม ทำให้ได้สิทธิ์เลื่อนชั้นไปเล่นไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2554 เป็นทีมสุดท้ายของปี

ช่วงเวลาในไทยพรีเมียร์ลีก

แม้จะเป็นทีมใหม่ในลีกสูงสุดของประเทศ แต่เชียงราย ยูไนเต็ดก็สามารถทำผลงานได้อย่างน่าพอใจ โดยเฉพาะผลงานการเล่นในฐานะทีมเหย้า โดยมีนักฟุตบอลอย่างวสันต์ นาทะสันและลีอังดรู อัสซัมเซาเป็นคู่กองหน้าตัวความหวังของทีม อย่างไรก็ตามในฤดูกาล 2554 เชียงราย ยูไนเต็ดกลับประสบปัญหาหลายประการ โดยเฉพาะในเรื่องสนามแข่งขัน ที่ต้องย้ายสนามเหย้าบ่อยครั้งเนื่องจากปัญหาจากความล่าช้าในการปรับปรุงสนามกีฬากลางขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายและปัญหาเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บริเวณมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เป็นเหตุให้เชียงราย ยูไนเต็ดไม่สามารถใช้สนามทั้งสองได้ ทำให้สโมสรจำเป็นต้องย้ายไปใช้สนามสมโภชเชียงใหม่ 700 ปีอยู่ระยะหนึ่ง ส่งผลกระทบต่อรายได้ของสโมสรอย่างหนัก แต่ด้วยการเรียกร้องของชาวเชียงราย มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงจึงอนุญาตให้สโมสรสามารถใช้สนามของมหาวิทยาลัยได้อีกครั้ง หลังประสบปัญหาดังกล่าว นายยงยุทธ ติยะไพรัชผู้เป็นพ่อของนายมิตติได้เข้ามาช่วยเหลือด้วยการสนับสนุนให้ทีมมีสนามเป็นของตัวเอง ด้วยเหตุนี้จึงได้เริ่มมีการก่อสร้างสนามเหย้าขึ้นบนที่ดินใกล้กันกับสนามบินนานาชาติแม่ฟ้าหลวงเชียงราย แม้จะมีปัญหามากมาย แต่เชียงรายยูไนเต็ดก็สามารถจบฤดูกาลได้ด้วยอันดับที่ 10 ของตารางได้

ในฤดูกาล 2555 สนามยูไนเต็ด สเตเดียม ได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการ และได้รับการตอบรับจากแฟนบอลอย่างกว้างขวาง โดยเชียงรายจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 9 อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาล 2556 เชียงราย ยูไนเต็ดกลับประสบปัญหาในเรื่องฟอร์มการแข่งขันที่ย่ำแย่ ทำให้ทีมต้องอยู่อันดับในโซนตกชั้นอยู่เป็นเวลานาน แม้จะมีการปลด สเตฟาโน คูกูรา ออกแล้วแต่การคุมทีมของ เฮงค์ วิสมัน ผู้ฝึกสอนชาวฮอลแลนด์ ก็ไม่สามารถพาทีมทำผลงานได้ดีขึ้นได้แต่อย่างใด เมื่อล่วงเข้าสู่ช่วงปลายฤดูกาล เชียงราย ยูไนเต็ดจึงได้ อนุรักษ์ ศรีเกิด เข้ามาช่วยแก้วิกฤตและรอดจากการตกชั้นได้สำเร็จ ในฤดูกาล 2557-2559 อดีตนักเตะของเชียงราย ยูไนเต็ดอย่างธีรศักดิ์ โพธิ์อ้น ได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นผู้ฝึกสอน มีแนวทางการทำทีมที่เน้นการพัฒนาเยาวชน ซึ่งหนึ่งในเยาวชนอย่างเอกนิษฐ์ ปัญญา ก็สามารถสร้างสถิติเป็นผู้ทำประตูที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ได้ ณ ขณะนั้น ตลอดช่วงสามปีของการคุมทีมของธีรศักดิ์ เชียงราย ยูไนเต็ดยังคงเกาะอยู่ในกลุ่มกลางตารางได้อย่างต่อเนื่อง

เชียงราย ยูไนเต็ดภายใต้การสนับสนุนของ สิงห์

ในฤดูกาล 2559 สิงห์ปาร์ค ของบริษัทสิงห์ ได้เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลักของทีม ทำให้เชียงราย ยูไนเต็ดเริ่มมีเงินทุนในการพัฒนาทีมมากขึ้น โดยสามารถดึงนักเตะชื่อดังอย่างฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์เข้ามาร่วมทีมได้ เมื่อจบฤดูกาล สโมสรได้แยกทางกับธีรศักดิ์ โพธ์อ้น และได้แต่งตั้งอาเลชังดรี กามา อดีตผู้ฝึกสอนของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดเข้ามาเป็นผู้ฝึกสอน ในวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2560 นาย มิตติ ติยะไพรัช ประธานสโมสรได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวยืนยันว่าได้ทำการเปลี่ยนชื่อสโมสรเป็น สโมสรฟุตบอลสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด[2] รวมถึงเปลี่ยนชื่อสนามเป็นสิงห์ สเตเดียม เนื่องจากได้ผลิตภัณฑ์สิงห์ได้เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลัก โดยในฤดูกาล 2560 เชียงราย ยูไนเต็ดได้ยกระดับทีมขึ้นมาเป็นทีมเจ้าบุญทุ่มอย่างเต็มตัวด้วยงบการทำทีมกว่า 300 ล้านบาท ได้มีซื้อตัวนักฟุตบอลชื่อดังและสามารถดึงตัวผู้เล่นระดับแถวหน้า อาทิ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ เข้าทีมมาด้วยค่าตัว 50 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าตัวนักเตะไทยที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังได้เซ็นสัญญากับนักฟุตบอลดาวรุ่งจากเมืองทอง ยูไนเต็ดอีกกว่า 5 คน ได้แก่ พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล, ศิวกรณ์ เตียตระกูล, ชัยวัฒน์ บุราณ, สุริยา สิงห์มุ้ย และ ชินภัทร ลีเอาะ ที่ภายหลังได้พัฒนาฝีเท้าจนกลายเป็นนักเตะตัวหลักของทีมไปในที่สุด

ฤดูกาล 2560 ภายใต้การคุมทีมของกามา เชียงราย ยูไนเต็ดสามารถทำผลงานได้ดีกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยสามารถจบฤดูกาลได้ในอันดับที่ 4 ได้ตำแหน่งรองแชมป์ฟุตบอลรายการโตโยต้า ลีกคัพ และคว้าแชมป์ช้าง เอฟเอคัพ มาครองได้สำเร็จเป็นแชมป์แรกในประวัติศาสตร์สโมสร ด้วยการเอาชนะทีมแบ็งค็อก ยูไนเต็ดไป 4-2 พร้อมได้สิทธิ์ในการเล่นรอบเพลย์ออฟรายการเอเอฟซี แชมป์เปียนลีก ฤดูกาลถัดไป และแม้ในฤดูกาล 2561 นั้น เชียงราย ยูไนเต็ดจะประสบปัญหาหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น การที่ผู้เล่นตัวหลักทั้ง ธนบูรณ์ เกษารัตน์ และ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ย้ายออกจากทีม การลาออกของรองประธานสโมสรผู้เป็นกำลังหลักในการบริหารอย่าง ธนพล วิระเทพสุภรณ์ หรือแม้แต่การที่ทีมไม่สามารถรักษาฟอร์มการเล่นที่คงเส้นคงวาในฟุตบอลลีกได้ แต่เชียงราย ยูไนเต็ดก็ยังคงรักษาฟอร์มการเล่นในฟุตบอลถ้วยได้อย่างยอดเยี่ยมจนสร้างประวัติศาสตร์คว้า "ทริปเปิลแชมป์" ได้เป็นครั้งแรกของสโมสร (ช้าง เอฟเอคัพ, โตโยต้า ลีกคัพ และ ไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ) ก่อนที่ทางสโมสรจะตัดสินใจแยกทางกับอาเลชังดรี กามาในนัดสุดท้ายของฤดูกาล ซึ่งเป็นนัดที่เชียงราย ยูไนเต็ดเอาชนะบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดไปได้ 3-2 และสามารถป้องกันแชมป์ช้าง เอฟเอคัพ พร้อมรับสิทธิ์ไปเล่นรอบเพลย์ออฟรายการเอเอฟซี แชมป์เปียนลีกได้เป็นปีที่สองติดต่อกัน

ในช่วงก่อนเริ่มฤดูกาล 2562 นายมิตติ ติยะไพรัชได้ตัดสินใจสละตำแหน่งประธานสโมสรให้แก่นางสาวปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช ผู้เป็นน้องสาว เนื่องจากตนต้องการทำงานด้านการเมืองกับทางพรรคไทยรักษาชาติ อย่างเต็มที่ ก่อนจะถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปีและกลับเข้ามารับตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของสโมสรในภายหลัง เมื่อฤดูกาล 2562 เปิดฉากขึ้น เชียงราย ยูไนเต็ดภายใต้การคุมทีมของผู้ฝึกสอนคนใหม่อย่าง ไอล์ตัน ซิลวา ก็สามารถทำผลงานได้ดีและสม่ำเสมอกว่าในฤดูกาลที่ผ่านมา สืบเนื่องจากผู้เล่นชาวไทยที่มีความเข้าใจรูปแบบการเล่นของทีมบวกกับความเด็ดขาดในการทำประตูของคู่กองหน้าอย่าง บิลล์ โรซีมาร์ และ วิลเลียม เอนรีเก แม้ทีมจะตกรอบฟุตบอลถ้วยทุกรายการ แต่ก็ยังคงสามารถรักษาผลงานในลีกได้จนก้าวขึ้นมาเบียดแย่งตำแหน่งจ่าฝูงกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในช่วงท้ายได้อย่างสูสีจนต้องตัดสินแชมป์กันในนัดสุดท้ายของฤดูกาล โดยก่อนการแข่งขันนั้น เชียงราย ยูไนเต็ดมีคะแนนทั้งหมด 55 แต้ม ในขณะที่ทางบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดมีคะแนนรวม 57 แต้ม นำเป็นจ่าฝูงของลีก แต่เมื่อจบการแข่งขันนัดสุดท้าย ทั้งสองทีมกลับมีเท่ากันที่ 58 แต้ม เนื่องจากเชียงราย ยูไนเต็ดสามารถเอาชนะสุพรรณบุรี เอฟซี ไปได้ 5–2 ส่วนบุรีรัมย์นั้นพลาดท่าเสมอกับสโมสรเชียงใหม่ เอฟซี 1-1 เมื่อคะแนนของทั้งสองทีมเท่ากัน จึงจำเป็นต้องมีการตัดสินด้วยกฏเฮดทูเฮด ซึ่งเชียงรายนั้นมีเฮดทูเฮดที่ดีกว่าบุรีรัมย์ (เสมอ 0-0 ในเกมเยือน และชนะ 4-0 ในเกมเหย้า) ทำให้เชียงราย ยูไนเต็ดพลิกสถานการณ์และคว้าแชมป์ไทยลีกสมัยแรกมาครองได้สำเร็จในที่สุด

แม้สโมสรจะประสบปัญหาเรื่องรายได้จากการระบาดของโรคโควิด-19 ในฤดูกาล 2563-64 แต่เชียงราย ยูไนเต็ดก็สามารถประคับประคองสถานะของทีมให้ไปต่อได้ โดยได้มีการลดงบประมาณการทำทีมและแต่งตั้งให้เอเมอร์สัน ปาไรร่า เป็นผู้ฝึกสอนชั่วคราว ก่อนที่จะจบฤดูกาลด้วยการคว้าแชมป์ช้าง เอฟเอคัพมาครองได้เป็นสมัยที่ 3

สนาม

สโมสรฟุตบอลเชียงราย ยูไนเต็ด
สิงห์ สเตเดียม
ที่ตั้งเชียงราย, ประเทศไทย
เจ้าของสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด
ผู้ดำเนินการสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด
ความจุ12,000 ที่นั่ง
พื้นผิวหญ้าเบอร์มิวด้า
เปิดใช้สนาม7 กรกฎาคม 2555
การใช้งาน
สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด

ก่อนที่สโมสรฟุตบอลเชียงราย ยูไนเต็ดจะมีสนามเหย้าเป็นของตัวเอง พวกเขาเคยต้องเช่าสนามหลายแห่งเพื่อใช้ในการแข่งขันนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรในปีพ.ศ. 2552 และต้องประสบปัญหาการไม่มีสนามเหย้าใช้แข่งขันในจังหวัดของตัวเองอยู่ระยะหนึ่ง ด้วยปัญหาความล่าช้าในการปรับปรุงสนามกีฬากลางจังหวัดขององค์การบริหารส่วนจังหวัด และจากปัญหาแอลกอฮอล์ในมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เป็นต้น โดยสนามที่สโมสรเคยใช้ในการแข่งขันก่อนจะมีสนามเป็นของตัวเองคือ สนามฟุตบอลมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, สนามกีฬากลางจังหวัดเชียงราย และสนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี โดยการที่ต้องไปแข่งขันที่จังหวัดเชียงใหม่นั้นได้ส่งผลกระทบต่อรายได้สโมสรเป็นอย่างหนัก ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการสนับสนุนให้สโมสรมีสนามเป็นของตัวเองขึ้น โดยสนามเหย้าถาวรของสโมสรนั้นได้เริ่มมีการก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2554 ก่อนเปิดใช้ในปี พ.ศ. 2555

สิงห์ สเตเดียม

สิงห์ สเตเดียม หรือ สนามยูไนเต็ด สเตเดียม เป็นสนามเหย้าของ สโมสรฟุตบอลสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ตั้งอยู่ ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย หน้าสนามบินนานาชาติแม่ฟ้าหลวงเชียงราย เริ่มเปิดใช้นัดแรกในวันที่ 7 กรกฎาคม 2555 ซึ่งเป็นการรับการมาเยือนของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด โดยผลการแข่งขันจบลงด้วยผลเสมอ 1-1 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 สนามแห่งนี้ใช้ชื่อว่าสนามยูไนเต็ด สเตเดียม เรื่อยมา มีการต่อเติมและปรับปรุงสนามอยู่โดยตลอด จนกระทั่งบริษัท สิงห์ ได้เข้ามาสนับสนุนสโมสร จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อสนามเป็น สนามสิงห์ สเตเดียม นับตั้งแต่ฤดูกาล 2560 เป็นต้นมา นอกจากนี้ยังได้มีการปรับปรุงสนามให้ทันสมัยและผ่านมาตราฐานของเอเอฟซี อาทิเช่น การติดเก้าอี้ทุกที่นั่งของสนาม ปัจจุบันสนามแห่งความจุราว 12,000 ที่นั่ง

ปี ชื่อสนาม ที่ตั้ง ลีก
19/4/52-13/6/52 สนามฟุตบอลมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ต.ท่าสุด อ.เมือง จ.เชียงราย ดิวิชั่น2 โซนภาคเหนือ
11/7/52-10/10/53 สนามกีฬากลางจังหวัดเชียงราย ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย ดิวิชั่น2 โซนภาคเหนือ,ดิวิชั่น1
13/3/54-4/6/54 สนามฟุตบอลมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ต.ท่าสุด อ.เมือง จ.เชียงราย ไทยลีก
1/8/54-10/9/54 สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ไทยลีก
18/9/54-3/6/55 สนามฟุตบอลมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ต.ท่าสุด อ.เมือง จ.เชียงราย ไทยลีก
7/7/55-ปัจจุบัน สิงห์ สเตเดียม (ยูไนเต็ด สเตเดียม) ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย ไทยลีก

ผู้เล่น

ผู้เล่นชุดปัจจุบัน

หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ

เลข ตำแหน่ง สัญชาติ ผู้เล่น
1 GK ไทย สรานนท์ อนุอินทร์
2 DF ไทย วสันต์ ฮมแสน
3 DF ไทย ธนะศักดิ์ ศรีใส (กัปตันทีม)
5 DF บราซิล บรีเนร์
6 MF ไทย พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล (รองกัปตันทีม)
7 FW บราซิล เฟลิเป้ ดา ซิลวา
8 MF เกาหลีใต้ โช จี-ฮุน
9 FW บราซิล โรซีมาร์ อามังซียู
10 MF ไทย ศิวกรณ์ เตียตระกูล
13 MF ไทย โชติภัทร พุ่มแก้ว
14 MF ไทย ศนุกรานต์ ถิ่นจอม
16 FW ไทย อัครวินทร์ สวัสดี
เลข ตำแหน่ง สัญชาติ ผู้เล่น
17 FW ไทย สมคิด ชำนาญศิลป์
21 MF ไทย ทักษ์ดนัย ใจหาญ
22 GK ไทย อภิรักษ์ วรวงษ์
26 MF ไทย ชัยวัฒน์ บุราณ
27 MF ไทย จอนาตา แวร์ซูรา
30 DF ไทย สุริยา สิงห์มุ้ย
33 DF ไทย ศราวุฒิ อินทร์แป้น
36 DF ไทย ชินภัทร ลีเอาะ
37 MF ไทย เอกนิษฐ์ ปัญญา
39 GK ไทย ฟารุส ปาตี
44 DF ไทย โทร่า เจริญสุข
45 DF ไทย ศราวุฒิ ยอดยิ่งหทัยกุล

ผู้เล่นที่ถูกยืมตัว

หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ

เลข ตำแหน่ง สัญชาติ ผู้เล่น
18 MF ไทย ถิรายุ บรรหาร (ไป พีที ประจวบ จนจบฤดูกาล)
GK ไทย นนท์ ม่วงงาม (ไป เชียงใหม่ ยูไนเต็ด จนจบฤดูกาล)
เลข ตำแหน่ง สัญชาติ ผู้เล่น
MF ไทย ธัชนนท์ นคราวงศ์ (ไป นครราชสีมา มาสด้า จนจบฤดูกาล)

ผลงาน

ฤดูกาล ลีก[3] เอฟเอคัพ ลีกคัพ ถ้วยพระราชทาน ก./ไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก ผู้ทำประตูสูงสุด
ระดับ แข่ง ชนะ เสมอ แพ้ ได้ เสีย คะแนน อันดับ ชื่อ จำนวนประตู
2552 ดิวิชัน 2 ภาคเหนือ 20 17 3 0 62 16 54 อันดับที่ 1  –  –  –  – วัชรากร ไกลถิ่น 19
ดิวิชัน 2 8 3 3 2 12 11 12 อันดับที่ 2  –  –  –  –
2553 ดิวิชัน 1 30 15 8 7 44 32 53 อันดับที่ 3 รอบที่สาม รอบที่สอง  –  – วสันต์ นาทะสันต์ 13
2554 ไทยพรีเมียร์ลีก 34 11 11 12 47 52 44 อันดับที่ 10 รอบที่สี่ รอบก่อนรองชนะเลิศ  –  – วสันต์ นาทะสันต์ 18
2555 ไทยพรีเมียร์ลีก 34 11 11 12 40 47 44 อันดับที่ 9 รอบรองชนะเลิศ รอบที่สาม  –  – นันทวัฒน์ แทนโสภา 8
2556 ไทยพรีเมียร์ลีก 32 8 10 14 32 45 34 อันดับที่ 11 รอบก่อนรองชนะเลิศ รอบที่สาม  –  – เลอันโคร อัสซัมเซา 9
2557 ไทยพรีเมียร์ลีก 38 13 16 9 55 47 55 อันดับที่ 7 รอบรองชนะเลิศ รอบที่สี่  –  – เรนาน มาเกรวช 17
2558 ไทยพรีเมียร์ลีก 34 12 8 14 42 57 44 อันดับที่ 9 รอบก่อนรองชนะเลิศ รอบแรก  –  – เรนาน มาเกรวช 10
2559 ไทยลีก 31 13 6 12 42 43 45 อันดับที่ 8 รอบที่สี่ รอบที่สอง  –  – เวลลิงตัน บรูโน่ 10
2560 ไทยลีก 34 18 6 10 67 42 60 อันดับที่ 4 ชนะเลิศ รองชนะเลิศ  –  – ฟีลิปเป้ อาเซเวโด 18
2561 ไทยลีก 34 15 10 9 52 36 55 อันดับที่ 5 ชนะเลิศ ชนะเลิศ ชนะเลิศ รอบเพลย์ออฟ โรซิมาร์ อามันซีโอ 9
2562 ไทยลีก 30 16 10 4 53 28 58 อันดับที่ 1 รอบก่อนรองชนะเลิศ รอบรองชนะเลิศ รองชนะเลิศ รอบเพลย์ออฟ โรซิมาร์ อามันซีโอ 13
2563–64 ไทยลีก 30 16 6 8 48 32 54 อันดับที่ 4 ชนะเลิศ  – ชนะเลิศ รอบแบ่งกลุ่ม โรซิมาร์ อามันซีโอ 16
2564–65 ไทยลีก
ชนะเลิศ รองชนะเลิศ อันดับที่สาม เลื่อนชั้น ตกชั้น

เกียรติประวัติ

ฟุตบอลลีก

ฟุตบอลถ้วย

สโมสรพันธมิตร

อ้างอิง

  1. https://www.posttoday.com/sports/577733 "มิตติ" ลาปธ.เชียงราย โยกเล่นการเมืองเต็มตัว
  2. มิตติแจงประเด็นเปลี่ยนชื่อทีมเป็น สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด โกลดอตคอม วันที่ 28 มกราคม 2560
  3. King, Ian; Schöggl, Hans; Stokkermans, Karel (20 March 2014). "Thailand – List of Champions". RSSSF. สืบค้นเมื่อ 29 October 2014. {{cite web}}: ไม่รู้จักพารามิเตอร์ |lastauthoramp= ถูกละเว้น แนะนำ (|name-list-style=) (help) Select link to season required from chronological list.

แหล่งข้อมูลอื่น