กุสกุส
ความรู้ ความรอบรู้วิธีทำ และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการผลิตและการบริโภคกุสกุส * | |
---|---|
มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมโดยยูเนสโก | |
กุสกุส (สีเหลืองอ่อน) ที่เสิร์ฟกับผักและถั่วหัวช้าง | |
ประเทศ | ตูนิเซีย มอริเตเนีย โมร็อกโก แอลจีเรีย |
ภูมิภาค ** | รัฐอาหรับ |
สาขา | ธรรมเนียมและการแสดงออกทางมุขปาฐะ, แนวปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรม และงานเทศกาล, ความรู้และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับธรรมชาติและจักรวาล, งานช่างฝีมือดั้งเดิม |
เกณฑ์พิจารณา | R.1, R.2, R.3, R.4, R.5 |
อ้างอิง | 01602 |
ประวัติการขึ้นทะเบียน | |
ขึ้นทะเบียน | 2563 (คณะกรรมการสมัยที่ 15) |
รายการ | ตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ |
* ชื่อตามที่ได้ขึ้นทะเบียนในบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมและการสงวนรักษาที่ดี ** ภูมิภาคที่จัดแบ่งโดยยูเนสโก |
กุสกุส (อาหรับ: كُسْكُس; เบอร์เบอร์: ⵙⴽⵙⵓ, ⴽⵙⴽⵙⵓ) เป็นอาหารแอฟริกาเหนือชนิดหนึ่ง[1] ได้จากการนำแป้งเซโมลีนา (แป้งจากข้าวสาลีบดหยาบเป็นเม็ดเล็ก ๆ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3 มิลลิเมตร) มาผ่านความร้อนด้วยกรรมวิธีต่าง ๆ เช่น แช่น้ำร้อนหรือนึ่ง ตามธรรมเนียมจะเสิร์ฟโดยราดสตูไว้ด้านบน หญ้าไข่มุกและข้าวฟ่าง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคซาเฮล) รวมทั้งธัญพืชอื่น ๆ สามารถนำมาปรุงในลักษณะเดียวกันโดยบางครั้งก็เรียกอาหารที่ได้ว่ากุสกุสเช่นกัน[2]: 18 [3]
ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่ากุสกุสกำเนิดขึ้นเมื่อใด แต่ลูว์ซี บอล็องส์ นักประวัติศาสตร์อาหาร เสนอว่ากุสกุสมีมานานนับพันปีแล้วตั้งแต่สมัยอาณาจักรนิวมิเดียโบราณ (ในแอลจีเรียปัจจุบัน)[4][5][6][7] ทุกวันนี้กุสกุสเป็นอาหารหลักอย่างหนึ่งในตำรับอาหารมอริเตเนีย โมร็อกโก แอลจีเรีย ตูนิเซีย และลิเบียซึ่งอยู่ในภูมิภาคอัลมัฆริบ[8][9]: 250 นอกจากนี้ยังมีการบริโภคกุสกุสในฝรั่งเศส โดยผู้ที่นำเข้าไปเผยแพร่คือชาวฝรั่งเศสที่เกิดในแอลจีเรียสมัยอาณานิคมและผู้ย้ายถิ่นเข้าจากอัลมัฆริบ (โดยเฉพาะชาวแอลจีเรีย โมร็อกโก และตูนิเซีย)[10]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Couscous". Encyclopedia Britannica (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2021-04-10.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Taylor, J.R.N.; Barrion, S.C.; Rooney, L.W. (2010). "Pearl Millet--New Developments in Ancient Food Grain" (PDF). Cereal Foods World. 55 (1): 16–19. doi:10.1094/CFW-55-1-0016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-08-22. สืบค้นเมื่อ 1 April 2018.
- ↑ "Codex Standards for Couscous: 202-1995". Food and Agriculture Organization of the United Nations. สืบค้นเมื่อ 1 April 2018.[ลิงก์เสีย]
- ↑ Bolens, Lucie (1990). La cuisine andalouse, un art de vivre: XIe-XIIIe siècle. Albin Michel. ISBN 9782226041005. สืบค้นเมื่อ May 19, 2022.
- ↑ "Can North Africa unite over couscous?". AFP. February 2, 2018.
- ↑ "The unexpected allure of couscous: the history and tradition behind the North African staple". The National News. December 20, 2020.
- ↑ de Castro, Teresa (2003). "COUSCOUS". ใน Katz, Solomon H.; Weaver, William (บ.ก.). Encyclopedia of Food and Culture. Vol. 3. Charles Scribner's Sons. p. 466. ISBN 0-684-80565-0.
- ↑ Naylor, Phillip C. (2015). Historical Dictionary of Algeria. Rowman & Littlefield. p. 195. ISBN 978-0-8108-7919-5.
- ↑ Soletti, Francesco; Selmi, Luca (2006). Turismo gastronomico in Italia, Volume 1. Touring Club Italiano. ISBN 978-88-365-3500-2.
- ↑ Randall, Colin (30 March 2006). "French abandon traditional cuisine in favour of couscous". The Daily Telegraph. สืบค้นเมื่อ 22 January 2020.
- บทความที่มีข้อความภาษากลุ่มภาษาเบอร์เบอร์
- อาหารนึ่ง
- อาหารประจำชาติ
- อาหารกรีก
- อาหารกาบูเวร์ดี
- อาหารกินี
- อาหารแกมเบีย
- อาหารจอร์แดน
- อาหารเซเนกัล
- อาหารตุรกี
- อาหารตูนิเซีย
- อาหารไนเจอร์
- อาหารเบนิน
- อาหารโปรตุเกส
- อาหารฝรั่งเศส
- อาหารมอริเตเนีย
- อาหารเมดิเตอร์เรเนียน
- อาหารโมร็อกโก
- อาหารยิว
- อาหารลิเบีย
- อาหารลิแวนต์
- อาหารสเปน
- อาหารอัลมัฆริบ
- อาหารอาหรับ
- อาหารอิตาลี
- อาหารอิสราเอล
- อาหารอียิปต์
- อาหารแอฟริกา
- อาหารแอฟริกาเหนือ
- อาหารแอฟริกาตะวันตก
- อาหารแอลจีเรีย
- มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ
- บทความเกี่ยวกับ อาหาร ที่ยังไม่สมบูรณ์