เรา พระราชา
|
เรา พระราชินี
จากวันแม่ ถึงวันพ่อ 116 วัน สร้างสามัคคี |
|
Welcome to note Mr.nana
สาระน่ารู้เกี่ยวกับประเทศไทย
[แก้]
พระมหากษัตริย์ไทย หมายความถึงราชาธิปไตยและราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญของราชอาณาจักรของคนไทยในอดีตจนถึงประเทศไทยในปัจจุบัน
พระมหากษัตริย์ของไทย ทรงดำรงฐานะเป็นประมุขแห่งรัฐและเป็นผู้นำราชวงศ์จักรีในปัจจุบัน มีที่ประทับอย่างเป็นทางการ คือ พระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร เนื่องจากราชอาณาจักรไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ถูกจำกัดโดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และพระองค์จะทรงเป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยผ่านคณะรัฐมนตรี รัฐสภา และศาล อย่างไรก็ตาม สถาบันพระมหากษัตริย์ก็ยังคงได้รับความเคารพนับถือจากประชาชนชาวไทยเป็นอย่างมาก
พระมหากษัตริย์ของราชอาณาจักรไทยพระองค์ปัจจุบัน คือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 9 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ (รัชกาลที่ 9) ทรงขึ้นเสวยราชย์เป็นพระมหากษัตริย์เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 (ค.ศ. 1946) พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์ในฐานะประมุขแห่งรัฐที่นานที่สุดในโลก โดยพระราชอำนาจของพระองค์จะใช้ผ่านทางคณะรัฐมนตรี รัฐสภา และศาล อย่างไรก็ตาม ตามรัฐธรรมนูญ พระองค์ก็ยังทรงดำรงฐานะเป็น จอมทัพไทย และทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในพระบรมราชานุมัติ และการพระราชทานอภัยโทษ (ตามกฎหมาย) รวมถึงทรงเป็นพุทธมามกะและอัครศาสนูปถัมภก
นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย เป็นตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาลของประเทศไทย โดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติไว้ว่า ต้องได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงจะขึ้นดำรงตำแหน่งได้ และอาจเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ก็ได้ ตามแต่รัฐธรรมนูญที่มีผลบังคับใช้อยู่ในขณะนั้น
ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยคนแรก คือ พระยามโนปกรณ์นิติธาดา และคนปัจจุบัน คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2551 หลังจากได้รับการเลือกในสภาด้วยคะแนน 235 ต่อ 198 (พลตำรวจเอกประชา พรหมนอก) เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2551
ธงชาติไทย หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ธงไตรรงค์ มีลักษณะเป็นธงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ใช้สีหลักในธง 3 สี คือ สีแดง ขาว และน้ำเงิน ภายในแบ่งเป็นแถบ 5 แถบ แถบในสุดสีน้ำเงิน ถัดมาด้านนอกทั้งด้านบนและล่างเป็นสีขาวและสีแดงตามลำดับ แถบสีน้ำเงินมีขนาดใหญ่กว่าแถบสีอื่นเป็น 2 เท่า ความหมายสำคัญของธงไตรรงค์นั้นหมายถึงสถาบันหลักทั้งสามของประเทศไทย คือ ชาติ (สีแดง) ศาสนา (สีขาว) และพระมหากษัตริย์ (สีน้ำเงิน) สีทั้งสามนี้เองคือที่มาของการเรียกชื่อธงนี้ว่าธงไตรรงค์ (ไตร = สาม, รงค์ = สี)
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้ธงนี้เป็นธงชาติไทย (ขณะนั้นยังเรียกชื่อประเทศว่าสยาม) เมื่อช่วงปลายปี พ.ศ. 2460 เพื่อแก้ไขปัญหาการชักธงช้างเผือก (ซึ่งใช้เป็นธงชาติมาตั้งแต่รัชกาลที่ 4) กลับด้าน และเพื่อเป็นอนุสรณ์ในการเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 กับฝ่ายสัมพันธมิตร
ลักษณะของธงชาติไทยนั้น มีความคล้ายคลึงกับธงชาติคอสตาริกา ซึ่งเป็นประเทศในทวีปอเมริกากลางมาก ต่างกันที่เรียงแถบสีธงชาติสลับกันเท่านั้น
ช้างเผือก คือช้างที่มีลักษณะต่างจากช้างธรรมดาทั่วไป ด้วยมีสีผิว นัยน์ตา และเล็บขาว จัดได้ว่ามีลักษณะที่หาได้ยาก จึงเป็นที่เชื่อกันว่าช้างเผือกเป็นสัตว์ที่เป็นมงคลให้แก่ผู้ที่เป็นเจ้าของ และเป็นเครื่องมงคลชนิดหนึ่งในสัปตรัตนะแห่งพระเจ้าจักรพรรดิ ได้แก่ จักรแก้ว ช้างแก้ว (ช้างเผือก ชื่อ อุโบสถ) ม้าแก้ว มณีแก้ว นางแก้ว คฤหบดีแก้ว และ ปรินายกแก้ว
ดนตรีไทย เป็นศิลปะแขนงหนึ่งของไทย ได้รับอิทธิพลมาจาก ประเทศต่าง ๆ เช่น อินเดีย จีน อินโดนีเซีย และอื่น ๆ เครื่องดนตรีมี 4 ประเภท ดีด สี ตี เป่า
ภาพยนตร์ไทย มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน ภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกถ่ายทำในเมืองไทย คือ เรื่อง นางสาวสุวรรณ ผู้สร้าง คือ บริษัทภาพยนตร์ ยูนิเวอร์ซัล ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้ผู้แสดงทั้งหมดเป็นคนไทย พ.ศ. 2470 ภาพยนตร์เรื่อง โชคสองชั้น เป็นภาพยนตร์ขนาด 35 มิลลิเมตร ขาว-ดำ ไม่มีเสียง ได้รับการยอมรับให้เป็นภาพยนตร์ประเภทเรื่องแสดงเพื่อการค้าเรื่องแรกที่สร้างโดยคนไทย
ในช่วงหลัง พ.ศ. 2490 ถือเป็นช่วงยุคเฟื่องฟูของภาพยนตร์ไทย สตูดิโอถ่ายทำและภาพยนตร์มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น หลังจากนั้นประเทศไทยเข้าสู่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ถือเป็นช่วงซบเซาของภาพยนตร์ไทย เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง กิจการภาพยนตร์ในประเทศไทยค่อย ๆ ฟื้นคืนกลับมา ได้เปลี่ยนไปสร้างเป็นภาพยนตร์ขนาด 16 มิลลิเมตรแทน และเมื่อบ้านเมืองเข้าสู่ภาวะคับขัน ภาพยนตร์ไทยหลายเรื่องได้แสดงบทบาทของตนในฐานะกระจกสะท้อนปัญหาการเมือง และสังคม ในช่วงเวลาระหว่างปี พ.ศ. 2516-2529 ต่อมาภาพยนตร์ไทยในช่วงปี พ.ศ. 2530-2539 โดยในตอนต้นทศวรรษวัยรุ่นเป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ นอกจากภาพยนตร์ประเภทวัยรุ่นแล้ว หนังผี และหนังบู๊ รวมทั้งหนังโป๊ และหนังเกรดบี ก็มีการผลิตมามากขึ้น
ปัจจุบันประเทศไทยมีภาพยนตร์ที่มุ่งสู่ตลาดโลก เช่น ภาพยนตร์เรื่อง ต้มยำกุ้ง ที่สามารถขึ้นไปอยู่บนตารางบ็อกซ์ออฟฟิสในประเทศสหรัฐอเมริกา และยังมีภาพยนตร์ไทยหลายเรื่องที่เป็นที่ยอมรับในเทศกาลภาพยนตร์
ส่วนการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย ทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชนได้มีการจัดเทศกาลภาพยนตร์ และการมอบรางวัลทางภาพยนตร์อยู่หลายโครงการ
มาตราการตวงของไทย สมัยก่อนเรานิยมใช้การตวงโดยใช้กะลามะพร้าว ใช้ถัง ใช้กระบุงสานจากไม้ไผ่ ในการหาปริมาณของสิ่งของที่เป็นของแห้ง ซึ่งอาจมีขนาดที่ไม่แน่นอน เมื่อการค้าเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาก จนต้องตั้งกระทรวงเกษตรพณิชยการขึ้นมาในรัชกาลที่ 6 จัดการการค้าขายโดยเฉพาะ และกำหนดวิธีการชั่งตวงวัดขึ้นให้มีมาตรฐานเดียวกันไม่เป็นอุปสรรดในการค้าขายในประเทศและระหว่างประเทศ
ใน พ.ศ. 2466 ได้มีการตราพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด ขึ้นมาเพื่อกำหนดการตวงขึ้นใช้ร่วมกัน
มาตราที่ 13 มูลจำนวนหน่วยแห่งความจุสำหรับวัตถุเหลวฟาวัตถุแห้งนั้น ให้เป็น ลิตร คือ ขนาดโวลูมของน้ำบริสุทธิ (ปราศจากอากาศ) หนักหนึ่งกิโลกรัมในเวลาที่ความหนาวร้อนเสมอขีด 4 ดีกรีเซนติกราด และมีความกดอากาศเปนธรรมดา
- 1 มกราคม - วันขึ้นปีใหม่
- 6 เมษายน - วันจักรี
- 13 เมษายน, 14, 15 เมษายน - วันสงกรานต์
- 13 เมษายน - วันผู้สูงอายุ
- 14 เมษายน - วันครอบครัว
- 1 พฤษภาคม - วันแรงงานแห่งชาติ
- 5 พฤษภาคม - วันฉัตรมงคล
- ข้างขึ้น เดือน 6[1] - วันพืชมงคล
- 12 สิงหาคม - วันแม่แห่งชาติ (ประเทศไทย)
- 23 ตุลาคม - วันปิยมหาราช
- 5 ธันวาคม - วันพ่อแห่งชาติ วันชาติ
- 10 ธันวาคม - วันรัฐธรรมนูญ
- 31 ธันวาคม - วันสิ้นปี
- ขึ้น 8 ค่ำ, ขึ้น 15 ค่ำ, แรม 8 ค่ำ, แรม 15 ค่ำ ของทุกเดือนจันทรคติ[2] - วันพระ (วันธรรมสวนะ)
- ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 (หรือเดือน 4 ในปีอธิกมาส) - วันมาฆบูชา
- ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 (หรือเดือน 7 ในปีอธิกมาส) - วันวิสาขบูชา
- ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 (หรือเดือน 8-8 ในปีอธิกมาส) - วันอาสาฬหบูชา
- แรม 1 ค่ำ เดือน 8 (หรือเดือน 8-8 ในปีอธิกมาส) - วันเข้าพรรษา
- ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 - วันออกพรรษา
- แรม 1 ค่ำ เดือน 11 - วันตักบาตรเทโว
- แรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึง ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 - เทศกาลทอดกฐิน
- วันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคม - วันเด็กแห่งชาติ
- 4 มกราคม - วันทหารม้า
- 13 มกราคม - วันการบินแห่งชาติ
- 16 มกราคม - วันครู, วันโคนมแห่งชาติ
- 18 มกราคม - วันกองทัพไทย
- 25 มกราคม - วันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
- 2 กุมภาพันธ์ - วันเกษตรแห่งชาติ, วันนักประดิษฐ์
- 3 กุมภาพันธ์ - วันทหารผ่านศึก
- 10 กุมภาพันธ์ - วันอาสารักษาดินแดน
- 24 กุมภาพันธ์ - วันศิลปินแห่งชาติ
- 25 กุมภาพันธ์ - วันวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติ
- 26 กุมภาพันธ์ - วันสหกรณ์แห่งชาติ
- 5 มีนาคม - วันนักข่าว
- 13 มีนาคม - วันช้างไทย
- 20 มีนาคม - วันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ
- 31 มีนาคม - วันเจษฎาบดินทร์
- 1 เมษายน - วันออมสิน, วันข้าราชการพลเรือน
- 2 เมษายน - วันอนุรักษ์มรดกไทย, วันหนังสือเด็กแห่งชาติ
- 9 เมษายน - วันกองทัพอากาศไทย
- 16 เมษายน - วันนักกีฬายอดเยี่ยม
- 24 เมษายน - วันเทศบาล
- 30 เมษายน - วันคุ้มครองผู้บริโภค
- ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 - วันต้นไม้แห่งชาติ
- 24 มิถุนายน - วันเปลี่ยนแปลงการปกครอง
- 26 มิถุนายน - วันสุนทรภู่
- 1 กรกฎาคม - วันสถาปนาลูกเสือแห่งชาติ
- 29 กรกฎาคม - วันภาษาไทยแห่งชาติ
- 1 สิงหาคม - วันสตรีไทย
- 4 สิงหาคม - วันสื่อสารแห่งชาติ
- 7 สิงหาคม - วันรพี
- 10 สิงหาคม - วันกำนันผู้ใหญ่บ้าน
- 16 สิงหาคม - วันสันติภาพไทย
- 18 สิงหาคม - วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
- 6 กันยายน - วันทรงดนตรี
- 8 กันยายน - วันการศึกษานอกโรงเรียน
- 20 กันยายน - วันเยาวชนแห่งชาติ, วันอนุรักษ์รักษาคูคลองแห่งชาติ
- 24 กันยายน - วันมหิดล
- แรม 15 ค่ำ เดือน 10 - วันสารทไทย
- 9 ตุลาคม - วันการสื่อสารแห่งประเทศไทย , วันไปรษณีย์โลก
- 13 ตุลาคม - วันตำรวจ
- 14 ตุลาคม - วันประชาธิปไตย
- 21 ตุลาคม - วันสังคมสงเคราะห์แห่งชาติ, วันพยาบาลแห่งชาติ, วันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ, วันรักต้นไม้ประจำปีของชาติ
- 27 ตุลาคม - วันมรดกโสตทัศน์โลก
- 31 ตุลาคม - วันออมแห่งชาติ
- ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 - วันลอยกระทง
- วันเสาร์ที่ 2 ของพฤศจิกายน - วันคนพิการ
- 25 พฤศจิกายน - วันวชิราวุธ, วันประถมศึกษาแห่งชาติ
- 27 พฤศจิกายน - วันสาธารณสุข
- 4 ธันวาคม - วันสิ่งแวดล้อมไทย
- 8 ธันวาคม - วันนักศึกษาวิชาทหาร
- 16 ธันวาคม - วันกีฬาแห่งชาติ
- 26 ธันวาคม - วันคุ้มครองสัตว์ป่า
- 28 ธันวาคม - วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
เรือไทย มีจารึกในภาษาจาม พบในเมืองนาตรังประเทศเวียดนาม ราวศตวรรษที่ 12 เป็นหลักฐานกล่าวถึงชนชาติสยามซึ่งตั้งบ้านเรื่อนอยู่ในบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา และอาจรู้จักการใช้เรือเป็นชาติแรก แต่หลักฐานที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเดินเรือของคนไทยปรากฏอยู่บนศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง (พ.ศ. 1822-1843) แห่งกรุงสุโขทัย หลักที่ 4 ด้านที่ 4 กล่าวว่าการเดินทางด้วยเรือและถนน แสดงว่า มีการสร้างเรือมาแต่สมัยสุโขทัยแล้ว สันนิษฐานว่า ในสมัยนั้นมีการต่อเรือจากไม้ซุงทั้งต้น รวมไปถึงเรือที่ใช้ไม้กระดานต่อกันแล้วชันยา เดินทางไปมาหาสู่กันอย่างแพร่หลาย
อีกหลักฐานที่พบในประเทศไทยมีปรากฏอยู่หลายแห่งเช่น การพบภาพเขียนสีโบราณรูปขบวนเรือที่ถ้ำนาค ในอ่าวพังงา เป็นภาพขบวนเรือเขียนด้วยสีแดงบนผนังถ้ำ นักโบราณคดีสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นภาพเรือขุดรุ่นแรกๆ ที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรม โดยที่หัวเรือและท้ายเรือเป็นรูปโค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว หรือที่ถ้ำไวกิ้ง เกาะพีพีเล จ.กระบี่ ก็พบหลักฐานภาพเขียนสีเป็นรูปเรืออยู่บนผนังถ้ำ มีอยู่ประมาณ 70 ภาพ เป็นเรือรูปแบบต่างๆ เช่นเรือสำเภา เรือโป๊ะจ้าย เรือใบสามเสา เรือฉลอมท้ายญวน เรือกำปั่นใบ เรือลำบั้นแปลง เรือใบสองเสาที่ใช้กรรเชียง เรือใบอาหรับ เรือฉลอม รวมถึงเรือใบที่ใช้กังหันไอน้ำและเรือกลไฟ โดยภาพเรือสำเภาจีนสามเสาและเรือใบแบบอาหรับเป็นภาพวาดรูปเรือที่ใช้ใบที่เก่าที่สุด สันนิษฐานว่าเขียนขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 19-20
หลักฐานจารึก จดหมายเหตุจีน ตำนานและพงศาวดารระบุว่า พุทธศตวรรษที่ 18 มีบันทึกการรวมเมืองในลุ่มน้ำเจ้าพระยาเพื่อสร้างเครือข่ายทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมออกไปสู่ภายนอก กระทั่งมีการสถาปนาเป็นกรุงศรีอยุธยาเมื่อ พ.ศ. 1893 แล้วแผ่อำนาจรวบรวมแว่นแคว้นเข้าเป็นอาณาจักร ช่วงนั้นการติดต่อค้าขายระหว่างจีนและไทยเราใช้ “เรือสำเภา” เป็นหลัก และในสมัยอยุธยาตอนต้นเรือสำเภาจีนก็มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมประสานอารยธรรม จากหลักฐานความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรอยุธยากับชาติตะวันตก ได้มีโปรตุเกสเป็นชาติแรกที่เข้ามาในเมืองมะละกา ได้ส่ง “ดูอาร์เต เฟอร์นาน-เดส” เป็นผู้แทนเดินทางมาเชื่อมสัมพันธไมตรีกับราชสำนักโดยใช้พาหนะในการเดินทางคือ “เรือสำเภาจีน”
ในสมัยกรุงศรีอยุธยาได้มีการติดต่อค้าขายกับชาวต่างประเทศรุ่งเรืองมากขึ้นในสมัยอยุธยา ทำให้เกิดเรือเดินทะเลขนาดใหญ่ เช่นเรือสำเภาและเรือกำปั่น มีอู่ต่อเรือหลวงเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ในขณะที้ประชาชนต่างอาศัยเรือเล็กเรือน้อยสัญจรไปมาหนาตา ถึงขนาดที่บาทหลวงชาวฝรั่งเศสบันทึกเอาไว้
“ในแม่น้ำลำคลองเต็มไปด้วยเรือ จะไปไหนต่อไหนไหนก็เจอแต่เรือแน่นขนัดไปหมด จนไม่สามารถแหวกทางผ่านกันได้หากไม่ชำนาญ ทั้งที่เรือแน่นขนัดจอแจเช่นนี้ก็ไม่ปรากฏว่าเกิดอุบัติเหตุแต่อย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องอัศจรรย์อย่างยิ่ง” และจากบันทึกของชาวเปอร์เซีย เรียกกรุงศรีอยุธยาว่า ชะห์รินาว ซึ่งแปลว่า เมืองเรือ หรือ นาวานคร[3]
ยุคทองของการเดินทางด้วยเรือรุ่งเรืองถึงขีดสุดอยู่ในสมัยรัตนโกสินทร์ เพราะแม่น้ำลำคลองไม่เพียงแต่เป็นเส้นทางลำเลียงสินค้าและคมนาคม แต่ยังมีหน้าที่สำคัญในการเพาะปลูก การอุปโภค บริโภค และอื่น ๆ ในสมัยนี้จึงมีการขุดคลองเป็นจำนวนมากเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางด้วยเรือ
สารานุกรมไทย ฉบับกาญจนาภิเษก
[แก้]
หนังสือสารานุกรมไทย ฉบับกาญจนาภิเษก เป็นหนังสือสารานุกรม ที่จัดทำขึ้นเนื่องในโอกาสพระราชพิธีกาญจนาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๓๙ โดยโครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน พิมพ์และจำหน่ายในปี พ.ศ. 2542 ในราคา 500 บาท มีทั้งหมด 60 เรื่องโดยแบ่งเป็น 9 หมวด คือ
- หมวดที่ 1 พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจสำคัญ
- หมวดที่ 2 พระราชวงค์
- หมวดที่ 3 องค์กรและส่วนราชการ
- หมวดที่ 4 มูลนิธิ ทุน รางวัล และโรงเรียน
- หมวดที่ 5 พระราชสถานะและพระราชอำนาจตามรัฐธรรมนูญ
- หมวดที่ 6 ราชธรรมและพระราชกรณียกิจเกี่ยวกับศาสนา
- หมวดที่ 7 พระราชพิธีในรัชกาลปัจจุบัน
- หมวดที่ 8 พระบรมราชสัญลักษณ์และเรื่องราวเกี่ยวข้อง
- หมวดที่ 9 เบ็ตเตล็ด
สาระน่ารู้เกี่ยวกับมหาสมุทร
[แก้]
มหาสมุทรในปัจจุบัน มี 5 มหาสมุทร คือ
จังหวัดในประเทศไทยเรียงตามพื้นที่
[แก้]
อันดับ |
จังหวัด |
พื้นที่ (ตารางกิโลเมตร
|
1 |
นครราชสีมา |
20,493.964
|
2 |
เชียงใหม่ |
20,107.057
|
3 |
กาญจนบุรี |
19,483.148
|
4 |
ตาก |
16,406.650
|
5 |
อุบลราชธานี |
15,744.650
|
6 |
สุราษฎร์ธานี |
12,891.469
|
7 |
ชัยภูมิ |
12,778.287
|
8 |
แม่ฮ่องสอน |
12,681.259
|
9 |
เพชรบูรณ์ |
12,668.416
|
10 |
ลำปาง |
12,533.961
|
11 |
อุดรธานี |
11,730.302
|
12 |
เชียงราย |
11,678.369
|
13 |
น่าน |
11,472.072
|
14 |
เลย |
11,424.612
|
15 |
ขอนแก่น |
10,885.991
|
16 |
พิษณุโลก |
10,815.854
|
17 |
บุรีรัมย์ |
10,322.885
|
18 |
นครศรีธรรมราช |
9,942.502
|
19 |
สกลนคร |
9,605.764
|
20 |
นครสวรรค์ |
9,597.677
|
21 |
ศรีสะเกษ |
8,839.976
|
22 |
กำแพงเพชร |
8,607.490
|
23 |
ร้อยเอ็ด |
8,299.449
|
24 |
สุรินทร์ |
8,124.056
|
25 |
อุตรดิตถ์ |
7,838.592
|
26 |
สงขลา |
7,393.889
|
27 |
สระแก้ว |
7,195.436
|
28 |
กาฬสินธุ์ |
6,946.746
|
29 |
อุทัยธานี |
6,730.246
|
30 |
สุโขทัย |
6,596.092
|
31 |
แพร่ |
6,538.598
|
32 |
ประจวบคีรีขันธ์ |
6,367.620
|
33 |
จันทบุรี |
6,338.0
|
34 |
พะเยา |
6,335.060
|
35 |
เพชรบุรี |
6,225.138
|
36 |
ลพบุรี |
6,199.753
|
37 |
ชุมพร |
6,010.849
|
38 |
นครพนม |
5,512.668
|
39 |
สุพรรณบุรี |
5,358.008
|
40 |
ฉะเชิงเทรา |
5,351.0
|
41 |
มหาสารคาม |
5,291.683
|
42 |
ราชบุรี |
5,196.462
|
43 |
ตรัง |
4,917.519
|
44 |
ปราจีนบุรี |
4,762.362
|
45 |
กระบี่ |
4,708.512
|
46 |
พิจิตร |
4,531.013
|
47 |
ยะลา |
4,521.078
|
48 |
ลำพูน |
4,505.882
|
49 |
นราธิวาส |
4,475.430
|
50 |
ชลบุรี |
4,611.829
|
51 |
มุกดาหาร |
4,339.830
|
52 |
บึงกาฬ |
4,305.0
|
53 |
พังงา |
4,170.895
|
54 |
ยโสธร |
4,161.664
|
55 |
หนองบัวลำภู |
3,859.086
|
56 |
สระบุรี |
3,576.486
|
57 |
ระยอง |
3,552.0
|
58 |
พัทลุง |
3,424.473
|
59 |
ระนอง |
3,298.045
|
60 |
อำนาจเจริญ |
3,161.248
|
61 |
หนองคาย |
3,027.280
|
62 |
ตราด |
2,819.0
|
63 |
พระนครศรีอยุธยา |
2,556.640
|
64 |
สตูล |
2,478.977
|
65 |
ชัยนาท |
2,469.746
|
66 |
นครปฐม |
2,168.327
|
67 |
นครนายก |
2,122.0
|
68 |
ปัตตานี |
1,940.356
|
- |
กรุงเทพมหานคร |
1,568.737
|
69 |
ปทุมธานี |
1,525.856
|
70 |
สมุทรปราการ |
1,004.092
|
71 |
อ่างทอง |
968.372
|
72 |
สมุทรสาคร |
872.347
|
73 |
สิงห์บุรี |
822.478
|
74 |
นนทบุรี |
622.303
|
75 |
ภูเก็ต |
543.034
|
76 |
สมุทรสงคราม |
416.707
|
จังหวัดภาคใต้ของประเทศไทยเรียงตามผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในจังหวัด
[แก้]
อันดับ |
จังหวัด |
ปี พ.ศ. 2546 |
ปี พ.ศ. 2547 |
ปี พ.ศ. 2548 |
ปี พ.ศ. 2549 |
ปี พ.ศ. 2550
|
- |
ภาคใต้ |
572,377.30 |
650,393.80 |
693,691.40 |
772,164.40 |
859,325
|
1 |
สงขลา |
115,769.80 |
127,493.70 |
138,560.10 |
152,013.10 |
168,611
|
2 |
นครศรีธรรมราช |
90,444.60 |
98,820.10 |
106,083.20 |
117,553.90 |
123,614
|
3 |
สุราษฎร์ธานี |
73,703.30 |
87,752.30 |
97,525.10 |
111,907.30 |
122,398
|
4 |
ตรัง |
38,746.20 |
44,607.10 |
48,877.60 |
54,148.70 |
62,912
|
5 |
ภูเก็ต |
45,938.20 |
55,443.20 |
50,229.30 |
54,465.80 |
62,055
|
6 |
นราธิวาส |
27,932.90 |
31,483.60 |
35,294.10 |
41,288.0 |
46,468
|
7 |
ชุมพร |
29,096.10 |
32,809.70 |
35,616.20 |
40,942.10 |
45,580
|
8 |
กระบี่ |
28,777.90 |
33,296.00 |
32,662.60 |
35,703.00 |
41,343
|
9 |
ปัตตานี |
30,969.20 |
32,339.70 |
32,639.40 |
36,221.70 |
39,534
|
10 |
ยะลา |
23,466.70 |
26,480.20 |
30,436.90 |
34,595.60 |
39,198
|
11 |
พัทลุง |
19,564.70 |
23,171.30 |
26,297.50 |
30,516.20 |
33,259
|
12 |
พังงา |
18,642.20 |
22,459.20 |
24,613.30 |
27,021.80 |
29,828
|
13 |
สตูล |
17,846.20 |
20,286.40 |
20,444.10 |
22,273.50 |
27,217
|
14 |
ระนอง |
11,479.30 |
13,951.30 |
14,412.00 |
15,511.70 |
17,309
|
- |
การเติบโต |
% |
13.62% |
6.66% |
11.31% |
11.29%
|
หมายเหตุ:
- จุลศักราช เลิกใช้เป็นทางการเมื่อ จ.ศ. 1250 หรือ พ.ศ. 2431 ให้ใช้ ร.ศ. เพียงอย่างเดียวโดยพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.5
- รัตนโกสินทร์ศก เลิกใช้เป็นทางการเมื่อ จ.ศ. 131 หรือเมื่อ พ.ศ. 2456 โดยให้ใช้พุทธศักราชอย่างเดียวนับแต่นั้นมาโดยพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.6
- การเปลี่ยนแปลงวิธีการเริ่มต้นปี จาก 1 เมษายน เป็น 1 มกราคม เริ่มเมื่อ 1 มกราคม พ.ศ. 2484 ทำให้ ปี พ.ศ. 2483 มีเพียง 9 เดือนเท่านั้น
แม่แบบ Navbox ที่รัก ที่ชอบ
[แก้]
ตัวอย่างการใส่แม่แบบ (Navbox)
{{ {{{แม่แบบที่ต้องการ}}} }}
แม่แบบ:หมู่บ้านในประเทศไทย
แม่แบบประวัติศาสตร์ และสังคม
[แก้]
|
---|
พุทธศตวรรษที่ 22 รายพระนาม/รายนาม | |
---|
พุทธศตวรรษที่ 23 รายพระนาม/รายนาม | |
---|
พุทธศตวรรษที่ 24 รายพระนาม/รายนาม | |
---|
คำอธิบายสัญลักษณ์ | |
---|
ชาวไทย |
---|
ในประเทศ | | |
---|
แอฟริกา | |
---|
อเมริกา | |
---|
เอเชีย | |
---|
ยุโรป | |
---|
โอเชียเนีย | |
---|
|
|
---|
พระภิกษุ | | |
---|
พระมหากษัตริย์ | |
---|
พระบรมวงศานุวงศ์ | |
---|
ราชนิกุล | |
---|
สามัญชน | |
---|
|
|
---|
| |
|
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม |
---|
|
|
|
---|
|
ทีมงาน | |
---|
นักแสดงหลัก | |
---|
ดูเพิ่มเติม | |
---|
|
---|
ในกำแพงเมือง | |
---|
เขตอรัญญิก | |
---|
ส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | |
---|
|
|
---|
ในเกาะเมือง | | |
---|
นอกเกาะเมือง | |
---|
ส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | |
---|
|
|
---|
ในกำแพงเมือง | | |
---|
เมืองเชลียง | |
---|
นอกกำแพงเมือง | |
---|
|
---|
ในกำแพงเมือง | | |
---|
นอกกำแพงเมือง | ทิศเหนือ | |
---|
ทิศตะวันออก | |
---|
ทิศใต้ | |
---|
ทิศตะวันตก | |
---|
|
---|
สถานที่อื่น ๆ | |
---|
|
---|
ผืนป่าตะวันตก | เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า | |
---|
อุทยานแห่งชาติ | |
---|
|
---|
ทิวเขาตะนาวศรี | |
---|
ผืนป่าแก่งกระจาน | |
---|
ผืนป่าตะนาวศรี | |
---|
ส่วนอื่น ๆ | |
---|
|
- ↑ แล้วแต่สำนักพระราชวังกำหนดวันอุดมฤกษ์
- ↑ หากเดือนใดเป็นเดือนขาด ถือเอา แรม 14 ค่ำ แทนแรม 15 ค่ำ; วันธรรมสวนะไม่ถือว่าเป็นวันหยุดราชการ
- ↑ ศิลปวัฒนธรรม ฉบับเดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2545 หน้า 116-123