ข้ามไปเนื้อหา

วุฒิชัย กิตติธเนศวร

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
วุฒิชัย กิตติธเนศวร
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด6 กันยายน พ.ศ. 2497 (70 ปี)
ศาสนาพุทธ
พรรคการเมืองชาติไทย (2543-2547)
ไทยรักไทย (2547-2550)
พลังประชาชน (2550-2551)
เพื่อไทย (2551-2554, 2556-2565)
ภูมิใจไทย (2554-2556, 2565-ปัจจุบัน)
คู่สมรสกอบแก้ว ชิระกุล
ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยรามคำแหง
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

วุฒิชัย กิตติธเนศวร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครนายก 5 สมัย อดีตประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย[1] อดีตประธานสภาจังหวัดนครนายก 4 สมัย และอดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครนายก น้องชายนาย สิทธิชัย กิตติธเนศวร พี่ชาย ผศ.ดร.วุฒิพงศ์ กิตติธเนศวร อดีตนายกสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ อดีตรองประธานคณะกรรมการมูลนิธิหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร นายโชคชัย กิตติธเนศวร สมาชิกวุฒิสภาไทย ชุดที่ 13

ประวัติ

[แก้]

วุฒิชัย กิตติธเนศวร หรือ เสี่ยอ๋า เกิดเมื่อวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2497 เป็นบุตรของนายกิมไฮ้ กับนางซิวคี้ แซ่โง้ว สมรสกับนางกอบแก้ว ชิระกุล กรรมการผู้จัดการบริษัทกอบชัยคอนกรีต จำกัด มีบุตร 2 คน คือ นาย ปิยวัฒน์ กิตติธเนศวร ผู้ช่วยชำนาญการสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (นายวุฒิชัย กิตติธเนศวร) กับ นางสาว รวิภา กิตติธเนศวร ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย

วุฒิชัยสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโท จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก สาขารัฐประศาสนศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

การทำงาน

[แก้]

วุฒิชัย กิตติธเนศวร เริ่มต้นงานการเมืองโดยการเป็นนักการเมืองท้องถิ่น ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานสภาจังหวัดนครนายก (สจ.) และเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครนายก (อบจ.)เรียกได้ว่าเป็นนักการเมืองที่มีประสบการณ์โชคโชนเพราะเคยเป็นนักการเมืองท้องถิ่นมาแล้วแทบจะทุกตำแหน่ง เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครนายก สังกัดพรรคพลังประชาชน (ต่อมาถูกยุบพรรคจึงย้ายมาสังกัดพรรคเพื่อไทย) ต่อมาในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 ได้ย้ายมาลงสมัครในสังกัดพรรคภูมิใจไทย และสามารถเอาชนะนายเกรียงไกร กิตติธเนศวร จากพรรคเพื่อไทย (ผู้เป็นหลาน) และนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ได้[2]

ในปี พ.ศ. 2557 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาให้เขาต้องรับโทษจำคุก 10 ปี และปรับ 200,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี และห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 4 ปี จากกรณีจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ[3]

ในปี พ.ศ. 2562 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครนายกอีกสมัย และได้เป็นประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย สภาผู้แทนราษฎร ชุดปัจจุบันอีกด้วย

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

[แก้]

วุฒิชัย กิตติธเนศวร ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว 5 สมัย คือ

  1. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2544 จังหวัดนครนายก สังกัดพรรคชาติไทย
  2. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2548 จังหวัดนครนายก สังกัดพรรคไทยรักไทย
  3. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550 จังหวัดนครนายก สังกัดพรรคพลังประชาชน (พ.ศ. 2541)พรรคเพื่อไทย
  4. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 จังหวัดนครนายก สังกัดพรรคภูมิใจไทย
  5. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 จังหวัดนครนายก สังกัดพรรคเพื่อไทย

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. เปิดชื่อ 35 ประธาน กมธ. “เสรีพิศุทธ์”นั่งปราบทุจริต
  2. ผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ การเลือกตั้ง สส.ปี54 ของจังหวัดนครนายก จาก 455 หน่วย[ลิงก์เสีย]
  3. คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (คดีหมายเลขดำที่ อม. ๕/๒๕๕๗ คดีหมายเลขแดงที่ อม. ๑๕/๒๕๕๗ ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นายวุฒิชัย กิตติธเนศวร ผู้คัดค้าน)
  4. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๕๔ เก็บถาวร 2022-09-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๘ ตอนที่ ๒๔ ข หน้า ๓, ๒ ธันวาคม ๒๕๕๔
  5. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย เก็บถาวร 2022-12-03 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๕ ตอนที่ ๑๗ ข หน้า ๑๐, ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๑