ข้ามไปเนื้อหา

อาสนวิหารซอลส์บรี

พิกัด: 51°03′53″N 1°47′51″W / 51.06472°N 1.79750°W / 51.06472; -1.79750
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
อาสนวิหารซอลส์บรี
อาสนวิหารเซนต์แมรี
อาสนวิหารซอลส์บรีเมื่อมองจากทางตะวันออก
อาสนวิหารซอลส์บรีตั้งอยู่ในสหราชอาณาจักร
อาสนวิหารซอลส์บรี
อาสนวิหารซอลส์บรี
ที่ตั้งในสหราชอาณาจักร
51°03′53″N 1°47′51″W / 51.06472°N 1.79750°W / 51.06472; -1.79750
ที่ตั้งซอลส์บรี วิลท์เชอร์
ประเทศอังกฤษ
นิกายคริสตจักรแห่งอังกฤษ
นิกายเดิมโรมันคาทอลิก
จารีตAnglo-Catholic[1]
เว็บไซต์www.salisburycathedral.org.uk แก้ไขสิ่งนี้ที่วิกิสนเทศ
สถาปัตยกรรม
Previous cathedrals2
สถาปนิกบาทหลวงริชาร์ด พัวร์; Elias of Dereham
รูปแบบสถาปัตย์ลักษณะกอธิคอังกฤษสมัยต้นแท้
ปีสร้างค.ศ. 1220–1320
โครงสร้าง
อาคารยาว442 ฟุต (135 เมตร)
เนฟยาว234 ฟุต (71 เมตร)[2]
เนฟกว้าง78 ฟุต (24 เมตร)[2]
Choir height84 ฟุต (26 เมตร)
จำนวนหอคอย1
ความสูงหอคอย225 ฟุต (69 เมตร) (without spire)
จำนวนยอดแหลม1
ความสูงยอดแหลม404 ฟุต (123 เมตร)
การปกครอง
มุขมณฑลซอลส์บรี (ตั้งแต่ ค.ศ. 1220)
แขวงแคนเทอร์เบอรี
นักบวช
มุขนายกNick Holtam
เจ้าคณะNicholas Papadopulos
ผู้นำสวดAnna Macham
ผู้แทนประจำเขตEd Probert
เหรัญญิกเขตRobert Titley
ฆราวาส
นักออร์แกนJohn Challenger, David Halls
Chapter clerkJackie Molnar
Lay member(s) of chapterJane Barker
Luke March
Lydia Brown
Eugenie Turton

อาสนวิหารซอลส์บรี (อังกฤษ: Salisbury Cathedral) มีชื่อเป็นทางการว่า อาสนวิหารเซนต์แมรี (Cathedral of Saint Mary) เป็นอาสนวิหารนิกายอังกลิคันตั้งอยู่ที่เมืองซอลส์บรี มณฑลวิลท์เชอร์ในสหราชอาณาจักร เริ่มสร้างเมื่อ ค.ศ. 1221 แล้วเสร็จเมื่อ ค.ศ. 1280 รวมระยะเวลาในการสร้าง 59 ปี ในปี ค.ศ. 2008 อาสนวิหารซอลส์บรีฉลองครบรอบ 750 ปีตั้งแต่ได้รับสถาปนาเป็นอาสนวิหารตั้งแต่ปี ค.ศ. 1258[3]

ยอดของอาสนวิหารซอลส์บรีสูงจากพื้น 404 ฟุต (123 เมตร) ซึ่งสูงที่สุดในสหราชอาณาจักร ระเบียงคดมีเนื้อที่มากที่สุด และเนื้อที่บริเวณรอบอาสนวิหารเท่ากับ 80 เอเคอร์ ซึ่งกว้างใหญ่ที่สุดในอังกฤษ[4] นอกจากนั้นอาสนวิหารยังมีนาฬิกาที่สร้างเมื่อ ค.ศ. 1386 ที่ยังใช้การได้ และเป็นอาสนวิหารที่เป็นที่เก็บหนึ่งในสี่ของมหากฎบัตรฉบับดั้งเดิม[4]

ความสำคัญของอาสนวิหารซอลส์บรีทางสถาปัตยกรรม คือเป็นตัวอย่างที่ดีของสิ่งก่อสร้างแบบกอธิคของอังกฤษ[4] ตอนต้นที่เป็นแนวเดียวกันหมดเพราะสร้างรวดเดียวเสร็จ ไม่เหมือนอาสนวิหารอื่นที่ใช้เวลาหลายร้อยปีจึงสร้างเสร็จจึงทำให้ลักษณะสถาปัตยกรรมเปลี่ยนไปตามสมัย

ประวัติ

[แก้]

เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างพระและฝ่ายทหารที่โอลด์เซรุม (Old Sarum) ที่เป็นที่ตั้งเดิมของอาสนวิหารซอลส์บรีเสื่อมโทรมลง ทางวัดจึงตัดสินใจย้ายวัดไปตั้งที่ใหม่ที่เมืองซอลส์บรีในปัจจุบัน[5] การย้ายเกิดขึ้นในสมัยของบาทหลวงริชาร์ด พัวร์ (Richard Poore) ผู้ซึ่งเป็นผู้มีฐานะร่ำรวยและได้อุทิศที่ดินในการก่อสร้างอาสนวิหารใหม่ แม้ว่าการก่อสร้างอาสนวิหารใหม่ใช้เงินจากการอุทิศแต่ผู้อุทิศหลักก็คือพระแคนนอนและวิคาร์จากทางตะวันตกเฉียงใต้ผู้ถูกขอให้อุทิศเป็นจำนวนเจาะจงทุกปีจนกว่าอาสนวิหารจะสร้างเสร็จ[6] ที่ตั้งปัจจุบันเลือกจากตำนานที่กล่าวว่าบาทหลวงแห่งโอลด์เซรุมยิงธนูไปทางทิศที่จะสร้างอาสนวิหาร ไปโดนกวางที่เดินไปจนล้มลงตาย ที่ที่กวางตายก็คือที่สร้างอาสนวิหารปัจจุบัน

ศิลาฤกษ์วางเมื่อวันที่ 28 เมษายน ค.ศ. 1220[7] เพราะที่สร้างปัจจุบันมีระดับน้ำใต้ดินสูงอาสนวิหารจึงมีฐานลึกเพียง 4 ฟุต ทางเดินกลาง, แขนกางเขน และบริเวณสงฆ์ (choir) สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1258, ด้านหน้าในปี ค.ศ. 1265, ระเบียงคดและหอประชุมสงฆ์ในปี ค.ศ. 1280 เพราะอาสนวิหารสร้างเสร็จในระยะเวลาเพียง 38 ปี จึงทำให้เป็นลักษณะการก่อสร้างแบบเดียวที่สมบูรณ์แบบ--สถาปัตยกรรมกอธิคอังกฤษสมัยต้น

สิ่งที่มาสร้างภายหลังจากส่วนอื่นก็ได้แก่ระเบียงคด หอประชุมสงฆ์ หอระฆัง และมณฑปซึ่งสูง 404 ฟุต หรือ 123 เมตรซึ่งเห็นเด่นชัดมาแต่ใกลตั้งแต่ปี ค.ศ. 1320 แม้ว่าหอคอยของอาสนวิหารจะเป็นสิ่งที่เชิดหน้าชูตาที่สุดของอาสนวิหาร แต่ก็เป็นสิ่งที่เป็นปัญหาที่สุดเช่นเดียวกัน หอคอยและยอดซึ่งอยู่ตรงจุดตัดระหว่างทางเดินกลางและแขนกางเขนเพิ่มน้ำหนักให้แก่ตัวอาสนวิหารขึ้นอีก 6,397 ตัน ซึ่งถ้าไม่มีกำแพงค้ำยัน, โค้งค้ำยัน, หรือผูกด้วยเหล็กแล้วก็คงล้มครืนลงมาเช่นยอดของแอบบีมาลมสบรี (Malmesbury Abbey) แต่ยอดของอาสนวิหารซอลส์บรียังอยู่เป็นยอดวัดที่สูงที่สุดในโลกที่สร้างก่อน ค.ศ. 1400 ความหนักของยอดจะเห็นได้จากคอลัมน์สี่มุมภายในอาสนวิหารที่โก่งตัวเพราะความกดดันและพื้นที่ทรุดลงจากบริเวณอื่น ทางวัดต้องสร้างเพดานปลอมเหนือจุดตัดภายใต้บริเวณโคม (lantern stage) เพื่อช่วยรับน้ำหนัก

การบูรณะครั้งสำคัญทำโดยสถาปนิกเจมส์ ไวแอ็ทท์ (James Wyatt) ในปี ค.ศ. 1790 รวมทั้งสร้างฉากกางเขนใหม่แทนฉากกางเขนเดิมที่ย้ายไปอยู่ในชาเปลข้างๆ และรื้อหอระฆังที่ตั้งห่างจากตัววัดไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 100 เมตรทิ้ง อาสนวิหารซอลส์บรีเป็นหนึ่งในสามของอาสนวิหารในอังกฤษที่ไม่มีหอระฆัง อึกสองอาสนวิหารคืออาสนวิหารนอริช และ อาสนวิหารอีลี

หอประชุมสงฆ์และมหากฎบัตร

[แก้]

ลักษณะเด่นของหอประชุมสงฆ์คือเป็นรูปแปดเหลื่ยมตกแต่งด้วยขอบรูปปั้นเหนือที่นั่งรอบภายในสิ่งก่อสร้างเป็นฉากจากพระธรรมปฐมกาลและ พระธรรมอพยพรวมทั้งอาดัมและอีฟ, เรือโนอาห์, หอบาเบล และ เอบราฮัม, ไอแซ็ค และ เจคอป นอกจากนั้นหอประชุมสงฆ์ยังเป็นที่ตั้งแสดงหนึ่งในสี่มหากฎบัตรฉบับแท้ อาสนวิหารซอลส์บรีได้เป็นเจ้าของมหากฎบัตรเพราะอีไลอัสแห่งแดเรม (Elias of Dereham) ผู้มีหน้าที่แจกจ่ายมหากฎบัตรมาเป็นพระแคนนอนที่ซอลส์บรีและมาควบคุมการก่อสร้างอาสนวิหารนำเอาติดตัวมาด้วย

อ้างอิง

[แก้]
  1. Blagdon-Gamlen, P. E. (1973). The Church Travellers Directory. London: Church Literature Association. p. 69.
  2. 2.0 2.1 Ben Sloper. "Salisbury - a Divined Cathedral". Salisbury Cathedral (unofficial). สืบค้นเมื่อ 4 June 2020.
  3. "750th Anniversary, Salisbury Cathedral". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-01-20. สืบค้นเมื่อ 2008-01-17.
  4. 4.0 4.1 4.2 "Visitor Information, Salisbury Cathedral". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-10-04. สืบค้นเมื่อ 2008-01-17.
  5. Evans, p. 10-11
  6. Evans, p. 13
  7. Evans, p. 15

ข้อมูลเพิ่มเติม

[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]

วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ อาสนวิหารซอลส์บรี

สมุดภาพ

[แก้]