อาสนวิหารซอลส์บรี
อาสนวิหารซอลส์บรี | |
---|---|
อาสนวิหารเซนต์แมรี | |
อาสนวิหารซอลส์บรีเมื่อมองจากทางตะวันออก | |
51°03′53″N 1°47′51″W / 51.06472°N 1.79750°W | |
ที่ตั้ง | ซอลส์บรี วิลท์เชอร์ |
ประเทศ | อังกฤษ |
นิกาย | คริสตจักรแห่งอังกฤษ |
นิกายเดิม | โรมันคาทอลิก |
จารีต | Anglo-Catholic[1] |
เว็บไซต์ | www |
สถาปัตยกรรม | |
Previous cathedrals | 2 |
สถาปนิก | บาทหลวงริชาร์ด พัวร์; Elias of Dereham |
รูปแบบสถาปัตย์ | ลักษณะกอธิคอังกฤษสมัยต้นแท้ |
ปีสร้าง | ค.ศ. 1220–1320 |
โครงสร้าง | |
อาคารยาว | 442 ฟุต (135 เมตร) |
เนฟยาว | 234 ฟุต (71 เมตร)[2] |
เนฟกว้าง | 78 ฟุต (24 เมตร)[2] |
Choir height | 84 ฟุต (26 เมตร) |
จำนวนหอคอย | 1 |
ความสูงหอคอย | 225 ฟุต (69 เมตร) (without spire) |
จำนวนยอดแหลม | 1 |
ความสูงยอดแหลม | 404 ฟุต (123 เมตร) |
การปกครอง | |
มุขมณฑล | ซอลส์บรี (ตั้งแต่ ค.ศ. 1220) |
แขวง | แคนเทอร์เบอรี |
นักบวช | |
มุขนายก | Nick Holtam |
เจ้าคณะ | Nicholas Papadopulos |
ผู้นำสวด | Anna Macham |
ผู้แทนประจำเขต | Ed Probert |
เหรัญญิกเขต | Robert Titley |
ฆราวาส | |
นักออร์แกน | John Challenger, David Halls |
Chapter clerk | Jackie Molnar |
Lay member(s) of chapter | Jane Barker Luke March Lydia Brown Eugenie Turton |
อาสนวิหารซอลส์บรี (อังกฤษ: Salisbury Cathedral) มีชื่อเป็นทางการว่า อาสนวิหารเซนต์แมรี (Cathedral of Saint Mary) เป็นอาสนวิหารนิกายอังกลิคันตั้งอยู่ที่เมืองซอลส์บรี มณฑลวิลท์เชอร์ในสหราชอาณาจักร เริ่มสร้างเมื่อ ค.ศ. 1221 แล้วเสร็จเมื่อ ค.ศ. 1280 รวมระยะเวลาในการสร้าง 59 ปี ในปี ค.ศ. 2008 อาสนวิหารซอลส์บรีฉลองครบรอบ 750 ปีตั้งแต่ได้รับสถาปนาเป็นอาสนวิหารตั้งแต่ปี ค.ศ. 1258[3]
ยอดของอาสนวิหารซอลส์บรีสูงจากพื้น 404 ฟุต (123 เมตร) ซึ่งสูงที่สุดในสหราชอาณาจักร ระเบียงคดมีเนื้อที่มากที่สุด และเนื้อที่บริเวณรอบอาสนวิหารเท่ากับ 80 เอเคอร์ ซึ่งกว้างใหญ่ที่สุดในอังกฤษ[4] นอกจากนั้นอาสนวิหารยังมีนาฬิกาที่สร้างเมื่อ ค.ศ. 1386 ที่ยังใช้การได้ และเป็นอาสนวิหารที่เป็นที่เก็บหนึ่งในสี่ของมหากฎบัตรฉบับดั้งเดิม[4]
ความสำคัญของอาสนวิหารซอลส์บรีทางสถาปัตยกรรม คือเป็นตัวอย่างที่ดีของสิ่งก่อสร้างแบบกอธิคของอังกฤษ[4] ตอนต้นที่เป็นแนวเดียวกันหมดเพราะสร้างรวดเดียวเสร็จ ไม่เหมือนอาสนวิหารอื่นที่ใช้เวลาหลายร้อยปีจึงสร้างเสร็จจึงทำให้ลักษณะสถาปัตยกรรมเปลี่ยนไปตามสมัย
ประวัติ
[แก้]เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างพระและฝ่ายทหารที่โอลด์เซรุม (Old Sarum) ที่เป็นที่ตั้งเดิมของอาสนวิหารซอลส์บรีเสื่อมโทรมลง ทางวัดจึงตัดสินใจย้ายวัดไปตั้งที่ใหม่ที่เมืองซอลส์บรีในปัจจุบัน[5] การย้ายเกิดขึ้นในสมัยของบาทหลวงริชาร์ด พัวร์ (Richard Poore) ผู้ซึ่งเป็นผู้มีฐานะร่ำรวยและได้อุทิศที่ดินในการก่อสร้างอาสนวิหารใหม่ แม้ว่าการก่อสร้างอาสนวิหารใหม่ใช้เงินจากการอุทิศแต่ผู้อุทิศหลักก็คือพระแคนนอนและวิคาร์จากทางตะวันตกเฉียงใต้ผู้ถูกขอให้อุทิศเป็นจำนวนเจาะจงทุกปีจนกว่าอาสนวิหารจะสร้างเสร็จ[6] ที่ตั้งปัจจุบันเลือกจากตำนานที่กล่าวว่าบาทหลวงแห่งโอลด์เซรุมยิงธนูไปทางทิศที่จะสร้างอาสนวิหาร ไปโดนกวางที่เดินไปจนล้มลงตาย ที่ที่กวางตายก็คือที่สร้างอาสนวิหารปัจจุบัน
ศิลาฤกษ์วางเมื่อวันที่ 28 เมษายน ค.ศ. 1220[7] เพราะที่สร้างปัจจุบันมีระดับน้ำใต้ดินสูงอาสนวิหารจึงมีฐานลึกเพียง 4 ฟุต ทางเดินกลาง, แขนกางเขน และบริเวณสงฆ์ (choir) สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1258, ด้านหน้าในปี ค.ศ. 1265, ระเบียงคดและหอประชุมสงฆ์ในปี ค.ศ. 1280 เพราะอาสนวิหารสร้างเสร็จในระยะเวลาเพียง 38 ปี จึงทำให้เป็นลักษณะการก่อสร้างแบบเดียวที่สมบูรณ์แบบ--สถาปัตยกรรมกอธิคอังกฤษสมัยต้น
สิ่งที่มาสร้างภายหลังจากส่วนอื่นก็ได้แก่ระเบียงคด หอประชุมสงฆ์ หอระฆัง และมณฑปซึ่งสูง 404 ฟุต หรือ 123 เมตรซึ่งเห็นเด่นชัดมาแต่ใกลตั้งแต่ปี ค.ศ. 1320 แม้ว่าหอคอยของอาสนวิหารจะเป็นสิ่งที่เชิดหน้าชูตาที่สุดของอาสนวิหาร แต่ก็เป็นสิ่งที่เป็นปัญหาที่สุดเช่นเดียวกัน หอคอยและยอดซึ่งอยู่ตรงจุดตัดระหว่างทางเดินกลางและแขนกางเขนเพิ่มน้ำหนักให้แก่ตัวอาสนวิหารขึ้นอีก 6,397 ตัน ซึ่งถ้าไม่มีกำแพงค้ำยัน, โค้งค้ำยัน, หรือผูกด้วยเหล็กแล้วก็คงล้มครืนลงมาเช่นยอดของแอบบีมาลมสบรี (Malmesbury Abbey) แต่ยอดของอาสนวิหารซอลส์บรียังอยู่เป็นยอดวัดที่สูงที่สุดในโลกที่สร้างก่อน ค.ศ. 1400 ความหนักของยอดจะเห็นได้จากคอลัมน์สี่มุมภายในอาสนวิหารที่โก่งตัวเพราะความกดดันและพื้นที่ทรุดลงจากบริเวณอื่น ทางวัดต้องสร้างเพดานปลอมเหนือจุดตัดภายใต้บริเวณโคม (lantern stage) เพื่อช่วยรับน้ำหนัก
การบูรณะครั้งสำคัญทำโดยสถาปนิกเจมส์ ไวแอ็ทท์ (James Wyatt) ในปี ค.ศ. 1790 รวมทั้งสร้างฉากกางเขนใหม่แทนฉากกางเขนเดิมที่ย้ายไปอยู่ในชาเปลข้างๆ และรื้อหอระฆังที่ตั้งห่างจากตัววัดไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 100 เมตรทิ้ง อาสนวิหารซอลส์บรีเป็นหนึ่งในสามของอาสนวิหารในอังกฤษที่ไม่มีหอระฆัง อึกสองอาสนวิหารคืออาสนวิหารนอริช และ อาสนวิหารอีลี
หอประชุมสงฆ์และมหากฎบัตร
[แก้]ลักษณะเด่นของหอประชุมสงฆ์คือเป็นรูปแปดเหลื่ยมตกแต่งด้วยขอบรูปปั้นเหนือที่นั่งรอบภายในสิ่งก่อสร้างเป็นฉากจากพระธรรมปฐมกาลและ พระธรรมอพยพรวมทั้งอาดัมและอีฟ, เรือโนอาห์, หอบาเบล และ เอบราฮัม, ไอแซ็ค และ เจคอป นอกจากนั้นหอประชุมสงฆ์ยังเป็นที่ตั้งแสดงหนึ่งในสี่มหากฎบัตรฉบับแท้ อาสนวิหารซอลส์บรีได้เป็นเจ้าของมหากฎบัตรเพราะอีไลอัสแห่งแดเรม (Elias of Dereham) ผู้มีหน้าที่แจกจ่ายมหากฎบัตรมาเป็นพระแคนนอนที่ซอลส์บรีและมาควบคุมการก่อสร้างอาสนวิหารนำเอาติดตัวมาด้วย
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Blagdon-Gamlen, P. E. (1973). The Church Travellers Directory. London: Church Literature Association. p. 69.
- ↑ 2.0 2.1 Ben Sloper. "Salisbury - a Divined Cathedral". Salisbury Cathedral (unofficial). สืบค้นเมื่อ 4 June 2020.
- ↑ "750th Anniversary, Salisbury Cathedral". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-01-20. สืบค้นเมื่อ 2008-01-17.
- ↑ 4.0 4.1 4.2 "Visitor Information, Salisbury Cathedral". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-10-04. สืบค้นเมื่อ 2008-01-17.
- ↑ Evans, p. 10-11
- ↑ Evans, p. 13
- ↑ Evans, p. 15
ข้อมูลเพิ่มเติม
[แก้]แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ อาสนวิหารซอลส์บรี
- เอเดรียน เฟลทเชอร์สถานที่ขัดแย้ง – อาสนวิหารซอลส์บรีและมหากฎบัตร เก็บถาวร 2006-05-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ประวัติโรงเรียนร้องเพลงสวดและคณะนักร้องเพลงสวดของอาสนวิหารซอลส์บรี เก็บถาวร 2011-07-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ภาพอาสนวิหารซอลส์บรี
- ภาพอาสนวิหารซอลส์บรี (Flickr)
- แพโนรามิค เก็บถาวร 2008-08-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ภาพรายละเอียดสถาปัตยกรรม
- เว็บไซต์ของสำนักงานท่องเที่ยวซอลส์บรี
สมุดภาพ
[แก้]
-
แผนผังอาสนวิหารเป็นกางเขนสองชั้นแสดงว่าเคยเป็นสำนักสงฆ์มาก่อน
-
ภาพวาดโดยฟรานซิส จูคส์
-
ด้านตะวันตก
-
ด้านล่างของด้านตะวันตกตกแต่งด้วยระเบียงรูปปั้น
-
ลายแกะหัวเสา
-
ทางเดินกลางจากบริเวณพิธีไปทางตะวันตก
-
หน้าต่างประดับกระจกสีเป็นภาพการวางศิลาฤกษ์ของอาสนวิหาร