ข้ามไปเนื้อหา

ฮิคารุเซียนโกะ (เกม)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ฮิคารุเซียนโกะ


ภาพปกเกมฮิคารุเซียนโกะ ทั้ง 3 ภาค
ผู้พัฒนาโคนามิ
ผู้จัดจำหน่ายโคนามิ
ชุดฮิคารุเซียนโกะ
เครื่องเล่นเกมบอยแอดวานซ์
เกมคิวบ์
วางจำหน่ายเกมบอยแอดวานซ์
เกมคิวบ์
แนวหมากล้อม
รูปแบบผู้เล่นคนเดียว
หลายผู้เล่น

ฮิคารุเซียนโกะ (ญี่ปุ่น: ヒカルの碁; อังกฤษ: Hikaru no Go) เป็นซอฟต์แวร์เกมสำหรับเกมบอยแอดวานซ์ ที่ได้รับการเปิดตัวจากโคนามิเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 2001 [1]

โดยเป็นคาแรคเตอร์เกม ที่อิงมาจากซีรีส์ฮิคารุเซียนโกะ ซึ่งเป็นการ์ตูนที่เกี่ยวกับหมากล้อม และได้มีเกมภาคต่อคือฮิคารุเซียนโกะ 2 ที่ได้รับการเปิดตัว ณ วันที่ 18 กรกฎาคม ค.ศ. 2002 [2] และฮิคารุเซียนโกะ 3 ที่ได้รับการเปิดตัว ณ วันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 2003 [3]

ฮิคารุเซียนโกะ ภาคแรก

[แก้]

เรื่องราวของเกมภาคนี้จะมีความสอดคล้องกับการ์ตูนต้นฉบับ ผู้เล่นจะเป็นฮิคารุ ผู้เป็นนักเรียนของโรงเรียนมัธยมต้นฮาเซะ เขาได้เข้าร่วมชมรมหมากล้อมและได้มีโอกาสแข่งขันกับโทยะ อากิระ

เกมภาคนี้ประกอบไปด้วยโหมดเนื้อเรื่อง โหมดเลือกคู่แข่ง และโหมดฝึกฝน (ขนาดของกระดานสามารถเลือกได้ทั้ง 9 เส้น, 13 เส้น และ 19 เส้น), โหมดเชื่อมต่อกับคู่แข่งอื่น (จำเป็นต้องมีสายเคเบิลเชื่อมต่อ), โจทย์หมากล้อม (ระดับแรกเริ่ม, ระดับกลาง, ระดับสูง 100 คำถาม+α) และโหมดตั้งค่า ซึ่งในระดับยาก ซีพียูฝ่ายตรงข้ามจะใช้เวลาคิดค่อนข้างนาน

ฮิคารุเซียนโกะ 2

[แก้]

ฮิคารุได้กลายเป็นนักศึกษาวัยหนุ่มผู้มีความมุ่งมั่น ภาคนี้มีการปรับปรุงเอฟเฟกต์เสียงเพิ่มเติม รวมถึงมีรูปแบบของคอลเลกชันหมากล้อม

เหตุการณ์เรื่องราวต่าง ๆ ในภาคนี้จะมีความใกล้ชิดกับตัวละครแต่ละตัว ตลอดจนมีโหมดเอาตัวรอดและโหมดการแข่งขัน

ฮิคารุเซียนโกะ 3

[แก้]

เป็นซอฟต์แวร์เกมที่จัดทำขึ้นสำหรับระบบเกมคิวบ์ และได้มีการทำเป็นตลับเกมบอยแอดวานซ์สำหรับดาวน์โหลดโดยเฉพาะ[4] ที่สามารถดาวน์โหลดและเล่นได้จากการเชื่อมโยงโดยจอยแครี

โหมดเนื้อเรื่องจะเป็นการรวมจากภาคแรก และภาค 2 นอกจากนี้ ในภาค 3 ยังสามารถเล่นแบบจับคู่ ซึ่งเป็นการเล่นแบบ 2 ต่อ 2 ได้ถึง 4 คน

การตอบรับ

[แก้]

ตามข้อมูลที่ปรากฏบนเว็บไซต์นินเท็นโดเวิลด์รีพอร์ต ณ วันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 2002 ได้มีการเผยว่า ฮิคารุเซียนโกะ สำหรับระบบเกมบอยแอดวานซ์ สามารถทำยอดจำหน่ายติดอันดับของตารางเดอะแฟมิซือท็อป 30 โดยเกมนี้สามารถทำยอดจำหน่ายรวมในช่วงนั้นได้ถึง 119,341 ชุด[5]

อ้างอิง

[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]